บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) คาดว่า กำไรสุทธิในปี 51 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไร 1.06 พันล้านบาท เนื่องจากมีการขยายกองทุน TFUND ได้ตามแผนงาน และจะบันทึกกำไรเข้ามาในไตรมาส 4/51 ทำให้บริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามปกติ
โดยคาดว่า Net Margin ในปี 51 จะไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 30.2%
ส่วนในปีหน้ามีแผนจะขยายกองทุน TFUND อย่างต่อเนื่องอีกราว 2.8-3.0 พันล้านบาท โดยบริษัทจะขายโรงงานและคลังสินค้าให้เป็นสินทรัพย์กองทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ของบริษัทน่าจะเติบโตขึ้นเป็นมากกว่า 4 พันล้านบาท
"ปีหน้าคาดหวังอะไรๆจะดีขึ้น แต่ครึ่งปีแรกคงจะชะลอตัว โดยภาพรวมจะไม่ดี รับผลกระทบ global crisis ก็จะมีการปิดโรงงานในที่แพงๆ คิดว่าไทยน่าจะได้ประโยชน์ในระยะยาว เพราะจะมีการย้ายฐานการผลิตมาที่ต้นทุนไม่สูง " นายวีรพันธ์ พลูเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าว
ขณะนี้ บริษัทเริ่มทยอยลดการก่อสร้างโรงงานใหม่เพื่อไม่ให้เกิด inventory มากเกินไป โดยจะลดลงมาที่ระดับ 20 โรงงาน จาก 32 โรงงานในสิ้นไตรมาส 3/51
สำหรับปีหน้า บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.3-2.5 พันล้านบาท ลดลงจากเดิมที่เคยประมาณการใช้เงินลงทุน 2.6-2.7 พันล้านบาท โดยเป็นการลงทุนก่อสร้างโรงงาน 40 แห่ง จำนวนพื้นที่ 1 แสนตร.ม. และ คลังสินค้า 1 แสนตร.ม. ในพื้นที่เดิมได้แก่ที่บางนาตราด กม.39, วังน้อย และ แหลมฉบัง และจะนำทรัพย์สินดังกล่าวเข้าไปขยายในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TFUND ในไตรมาส 3/52
ทั้งนี้ กองทุน TFUND ที่จะเปิดขาย 25 พ.ย.-2 ธ.ค. จำนวน 2.4 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาประเมินที่ 2.8 พันล้านบาท ในราคาหน่วยละ 10.25 บาท โดยจัดสรรขายให้กับผู้ถือหน่วยเดิม 60%และ ประชาชนทั่วไป 40%
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า แม้ภาวะโดยรวมขณะนี้ยังไม่เอื้อการลงทุน แต่เชื่อว่ากองทุน TFUND จะขายได้หมด เพราะกองทุนรอบใหม่นี้จะให้ผลตอบแทนมากกว่า 8% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่มีผลตอบแทน 7.5% และ ถึงแม้ จีอี ฯจะไม่ลงทุนเพิ่มในกองทุนTFUND ซึ่งถืออยู่ 5% ก็ตาม แต่ก็มีกองทุนประกันสังคม กองทุนของประกันชีวิต สนใจเข้ามาซื้อ รวมทั้งจากการที่โรดโชว์กับผู้ถือหน่วยเดิมรายอื่นก็ต้องการซื้อเพิ่ม แต่หากขายไม่หมด ทาง TICON ก็อาจจะเข้าซื้อเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันที่ถือ 26% และ บล.บัวหลวงเองก็รับประกันการจำหน่ายอยู่แล้ว
สำหรับ TICON-W2 จำนวน 12,673,116 หน่วย อายุ 5 ปี นั้น นายวีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ให้รอใช้เกณฑ์ใหม่ที่ปรับปรุงให้บริษัทสามารถออกวอแรนท์ได้โดยไม่ต้องยื่นไฟลิ่งผ่านก.ล.ต. และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งคาดว่าจะมีผลในเดือนธ.ค.นี้ ดังนั้นบริษัทคาดว่า จะจัดสรรวอแรนท์ให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้ราวปลายเดือนธ.ค.51 หรือต้นม.ค. 52
แต่ราคาใช้สิทธิ (exercise) ที่เคยกำหนดที่ 20 บาท อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หากราคายังคงต่ำอยู่มาก อย่างไรก็ตามก็จะติดตามดูสถานการณ์ก่อน หากต้องเปลี่ยนราคาใช้สิทธิคาดว่าจะเข้าพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งจะจัดประชุมในช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดจัดสรรวอแรนท์ 3 หุ้นต่อ 1 วอแรนท์