ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตาม Sentiment ตปท. จับตาหลุด 400 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 20, 2008 09:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง โดยตลาดฯคงจะหนีไม่พ้น Sentiment จากภายนอกประเทศที่ทั้งดาวโจนส์ปรับตัวลงไป 5% และเช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคก็ปรับตัวลง โดยเฉพาะดัชนีนิกเกอิก็ปรับตัวลงไป 4% ซึ่งก็น่าจะเข้ามากดดันตลาดบ้านเรา ทั้งนี้ทั้งนั้นยังเป็นการรับผลลบจากเศรษฐกิจถดถอยเป็นหลัก

โดยเฉพาะการมีข่าวการลดกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้มองว่าเป็นสัญญาณการเตือนล่วงหน้าแล้ว ส่วนปัจจัยการเมืองไทยยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดอยู่

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 390 จุด แนวต้าน 420 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(19 พ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 7,997.28 จุด ลดลง 427.47 จุด(-5.07%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 806.58 จุด ลดลง 52.54 จุด(-6.12%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,386.42 จุด ลดลง 96.85 จุด (-6.53%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,189.60 ล้านบาทเมื่อวานนี้
  • ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 53.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.77 ดอลลาร์หรือ 1.42%
  • จีเอ็ม ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ประกาศปิด 5 โรงงานเป็นการชั่วคราว 1-2 สัปดาห์ และลดการทำงานล่วงเวลา หลังจากยอดขายร่วงลง 45% ด้านประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ชี้ ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่หั่นยอดผลิต 20-30% เปิดสมัครเออร์ลี-ให้หยุดงานแล้ว
  • แหล่งข่าวจากบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เผยโรงงานรถยนต์จีเอ็ม จ.ระยอง เตรียมหยุดสายการผลิตรถยนต์ 2 เดือน โดยเริ่มจากปลายเดือนนี้จนถึงปลายเดือน ม.ค.ปีหน้า และหยุดสายการผลิตรถปิกอัพ 1 เดือน ในช่วงปลายเดือนหน้า พร้อมทั้งปรับลดพนักงานระดับวิศวกรในฝ่ายผลิตลงอีก 20%
  • วิกฤติกระทบกลุ่มผู้ผลิตรถจีน ร้องรัฐช่วยอุ้มลดภาษีขาย กระตุ้นอุปสงค์หายไปจากตลาดรถใหญ่อันดับสองของโลก ด้าน 3 ค่ายรถยักษ์สหรัฐ จีเอ็ม-ฟอร์ด-ไครสเลอร์ เร่งสภาคองเกรสอนุมัติปล่อยกู้ 2.5 หมื่นล้าน โดยจีเอ็มขู่หากปล่อยอุตสาหกรรมรถในประเทศล้ม จะฉุดเศรษฐกิจอเมริกาล่มตาม
  • สมาคมสินเชื่อฯ คาดปีหน้าไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกหนัก ฉุดยอดปล่อยเชื่อที่อยู่อาศัยลดฮวบ 20% ส่วนปีนี้ลดประมาณ 10% แนะควบคุมผู้ประเมินทรัพย์ให้ประเมินตามความเป็นจริง หวั่นซ้ำรอยวิกฤตปี 40 เตือนโอกาสเกิดซับไพรม์อสังหาฯ ในไทยเกิดขึ้นได้สูง ด้านนายแบงก์ยอมรับ ปีหน้าปล่อยกู้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาประเมิน เหตุค่าครองชีพพุ่ง ส่วนโครงการที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับล่างมีสิทธิ์แห้ว แบงก์ไม่ปล่อยกู้
  • ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือนต.ค.อยู่ที่ 75.5 ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน สาเหตุยอดคำสั่งซื้อลดและยอดขายหดจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกถดถอยและปัญหาการเมืองภายใน ภาคเอกชนแนะให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาการเมืองเร่งด่วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและนักลงทุน วันนี้ กรอ.นัดหารือภาพรวมเศรษฐกิจและแนวทางรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้น
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยในวันที่ 20 พ.ย. 2551 จะมีการประชุมของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่ามีเรื่องที่จะเสนอให้พิจารณาใหม่ 3 เรื่อง คือ 1.เสนอการใช้งบประมาณเพิ่มเติม 1 แสนล้านบาท เพื่อให้งบดังกล่าวกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง 2.ปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้ เพื่อขยายฐานภาษีและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะเสนอให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 1.5 แสนบาท
  • กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาข้อเสนอของเอกชนในการลดภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ไปพิจารณาอย่างเข้มข้น โดยหากตัดสินใจปรับลดภาษีลง คาดว่ายังอยู่ในกรอบการขาดดุลงบประมาณปี 2552 ซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 4 แสนล้านบาท
  • คลังหวั่นหนี้สาธารณะสูง หลังรัฐบาลมีแผนกู้เงินมาใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ มีนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่า ชี้อาจขยับเป็น 40% ต่อจีดีพี หากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 5% พร้อมสั่งศึกษาขยายเพดานระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เพื่อให้สอดคล้องกับระดับเศรษฐกิจประเทศ
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ปรับปรุงเกณฑ์ราคาสูงสุด (Ceiling) และราคาต่ำสุด (Floor) สำหรับหลักทรัพย์ที่มีราคาตั้งแต่ 0.10 บาท ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 1 บาท (0.99 บาท) ใหม่ โดยกำหนดราคา Ceiling และ Floor จากเดิม 100% เป็นไม่เกิน 30% ของราคาปิดวันก่อนหน้าเช่นเดียวกับหลักทรัพย์ที่มีราคาตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป สำหรับหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 0.10 บาท ยังคงให้มีราคา Ceiling และ Floor ตามเกณฑ์เดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 100% ของราคาปิดวันก่อน และหุ้นเข้าใหม่ ผลตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป
  • ช่วงเช้ามืดวันนี้ เกิดเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่เต้นท์ของผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายในทำเนียบรัฐบาลใกล้กับเวทีปราศรัยใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากกว่า 20 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ