นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารงานโครงการ บมจ.ช.การช่าง(CK) คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/51 บริษัทจะเซ็นสัญญารับงานใหม่ 2 งานที่เลื่อนมาจากไตรมาส 3/51 ได้แก่ งานโรงไฟฟ้า SPP มูลค่า 5 พันล้านบาท และ โครงการส่วนต่อขยายผลิตน้ำประปาของบมจ.น้ำประปาไทย(TTW)อีก 1.2-1.3 พันล้านบาท
ขณะที่งานทางลอดถนนจรัลสนิทวงศ์ คาดว่าอาจจะเซ็นสัญญาได้ในช่วงปลายเดือน ธ.ค.51 หรือต้นปี 52 ยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร(กทม.)
นอกจากนั้น บริษัทยังรอผลประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงในเดือนธ.ค.51 ซึ่งคาดหวังว่าจะชนะอย่างน้อย 1 สัญญา จากที่ยื่นประมูลไปทั้ง 3 สัญญา ซึ่งขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(backlog)ราว 1.3 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4/51 ประมาณ 3 พันล้านบาท
"ตอนนี้ดูแล้วว่า backlog เราน้อย แต่เรารู้ว่างานที่เราจะได้ในปีหน้าจะเข้ามามหาศาล ปีหน้าเราจะบุกต่างประเทศมากขึ้น"นายวรพจน์ กล่าว
ผู้บริหาร CK คาดว่า บริษัทจะมีงานเพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ทั้งโครงการเขื่อนน้ำบาก 1-2 ในประเทศลาว มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการเขื่อนไซยะบุรี มูลค่าโครงการราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งสองโครงการยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ส่วนในเวียดนามก็มีโอกาสจะได้รับงานมากขึ้น จากการที่บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)เข้าไปขยายโรงงานผลิตกระดาษ และมีแผนลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่
ส่วนในอินเดีย ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าไปรับงาน
สำหรับงานในประเทศปีหน้า ในส่วนของภาคเอกชนคาดว่าหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ภาครัฐน่าจะมีงานเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้ที่มีแผนงานชัดเจนแล้ว ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว
นายวรพจน์ ยังเปิดเผยว่า บริษัทน่าจะมียอดรับรู้รายได้ราว 1.4 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มียอดรับรู้รายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ในระดับ 8-12% ซึ่งในไตรมาส 4/51 จะมีอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาส 3/51 และผลขาดทุนจากการสต็อกวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็กจะลดลง