แหล่งข่าวจากบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL) คาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะลดลง 2-3% จากปีก่อนที่มีรายได้ 7.28 พันล้านบาท ขณะที่ปริมาณการจราจรลดลงไป 7% จากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ย 9.84 แสนคัน/วัน เนื่องจกาผลกระทบการเปิดใช้วงแหวนใต้
แต่ในเดือน ก.ย.51 บริษัทได้ปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนเป็น 45 บาท และช่วงปลายปีมีปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้น จากผลราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบทางลบได้บางส่วน
"รายได้เราไม่ได้เลวร้ายกว่าปีที่แล้วมาก เพราะเราได้ขึ้นค่าผ่านทาง และเรื่องน้ำมันที่ลดลงก็ช่วยให้มีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น"แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง ช่วง 10 เดือนแรกของปี 51 บริษัทมีปริมาณการจราจรเฉลี่ยวันละ 8.4 แสนคัน/วัน
แหล่งข่าว ยังเปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/51 บริษัทจะมีการบันทึกค่าธรรมเนียมที่จ่ายหนี้คืนก่อนกำหนด แต่จะลดลงจากปีก่อนที่มีรายจ่ายส่วนนี้ 222 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทได้ออกหุ้นกู้เพื่อนำไปชำระหนี้คืนประมาณ 4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ออกหุ้นกู้ประมาณ 7.5 พันล้านบาท ซึ่งมีอัตราค่าธรรมเนียมจ่ายหนี้คืนก่อนกำหนดที่ 2% ของวงเงิน
ปัจจุบัน บริษัทออกหุ้นกู้ไปแล้ว 1.05 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยได้ ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 1.3 หมื่นล้านบาท ยังใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ MLR-2% ซึ่งการปรับโครงสร้างเหล่านี้ยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท