ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดร่วง 570.18 จุด เหตุวิตกชะตากรรมค่ายรถยนต์สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 20, 2008 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันนี้ โดยดัชนีดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ และชะตากรรมของค่ายผลิตรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีในสหรัฐ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 570.18 จุด หรือ 6.89% แตะที่ 7,703.04 จุด ซึ่งเป็นการปิดต่ำกว่าระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.เป็นต้นมา

ยูมิ นิชิมูระ นักวิเคราะห์จาก Daiwa Securities SMBC กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวเป็นไปอย่างซบเซาตลอดทั้งวัน หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 427.47 จุด หรือ 5.07% แตะที่ 7,997.28 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.พ.ศ.2546 เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.ร่วงลง 1%ต่อเดือน ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนีซีพีไอในปีพ.ศ.2490 และหากเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีซีพีไอเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 3.7%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550 และเป็นสถิติรายปีที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี

ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.1% ต่อเดือน และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค.ร่วงลง 4.5% แตะระดับ 0.791 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งลดลงจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 0.828 ล้านยูนิต

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม),ฟอร์ด มอเตอร์ และไครส์เลอร์

ริค วาโกเนอร์ ซีอีโอจีเอ็มเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำจนถึงกับ "ล่มสลายในวงกว้าง" หากรัฐบาลสหรัฐปล่อยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศล้มละลาย ขณะที่ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ อีกทั้งจะส่งผลให้มีคนตกงานกว่า 3 ล้านคนภายในปีแรก และรัฐบาลจะต้องสูญรายได้จากภาษีถึง 1.56 แสนล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดคิด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ