อย่างไรก็ตาม ได้เลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการไปเป็นต้นปีหน้าจากเดิมที่จะเปิดโครงการในปีนี้ คือ โครงการศุภาลัย ปาร์ค ติวานนท์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เนื่องจาก mood ตลาดไม่ดี
ส่วนการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะเรื่องเม็ดเงินที่จะใช้ในการซื้อที่ดินที่อาจจะลดลงเหลือเพียง 2.5 พันล้านบาท จาก 3 พันล้านบาทในปีนี้ และอาจจะเลือกทำเลมากขึ้น
"ที่ไม่ลงทุนเอาเงินไปจมเยอะเพื่อรองรับหากสถานการณ์ไม่ดีจะได้ไม่ได้เจ็บตัว" นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวว่า คนอื่นอาจจะประเมินสถานการณ์ปีหน้าไม่ดีแต่ SPALI ก็ยังคงไม่ชะลอการเปิดโครงการเพราะการเปิดโครงการอาจจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งในปีหน้าจะเปิดใหม่ 8-9 โครงการมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งก็จะสอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายในปีหน้าที่จะเติบโตขึ้น 10% หรือ 11,000 ล้านบาทจากปีนี้ 9,999 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตสวนทางกับภาพรวมตลาดที่มองว่าจะ +/- 5% ภายใต้การแข่งขันและปีหน้าผู่ประกอบการรายใหญ่จะอยู่ได้เท่านั้น
ส่วนการต่อมาตรการภาษีของอสังหาฯ นายอธิป กล่าวยอมรับว่า เป็นผลดีต่อภาพรวมทำให้ตลาดที่อาจจะชะลอก็จะไม่ชะลอ แต่สิ่งที่จะช่วยได้ดีที่สุดคือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่า
นายอธิป กล่าวต่ออีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการออกหุ้นกู้ล็อตใหม่เพื่อเป็นการรองรับหุ้นกู้ที่จะหมดอายุในช่วงไตรมาส 1/52 ส่วนการออกหุ้นกู้ล็อตใหม่จะออกเท่าเดิมที่ 1.5 พันล้านบาท และถ้าจะเห็นคงจะเห็นออกในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า เพราะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ แต่หากจะไปออกช่วงครึ่งหลังปี 52 เกรงว่าจะไม่คุ้ม อย่างไรก็ตาม การออกหุ้นกู้ครั้งนี้บริษัทไม่ได้มีปัญหาทางการเงินแต่อย่างใด