นายไพบูลย์ สุขธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์แอนด์ เซอร์วิส (SECC) คาดว่า ยอดขายในปี 52 ถ้ามองแบบ Conservative น่าจะเติบโตได้ประมาณ 5-10% จากปีนี้ที่มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้า คือ เติบโต 10% จาก 2.5 พันล้านบาทในปี 50
โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 1.2-1.3 พันล้านบาท และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ยอดขายตรงตามเป้า
"ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลก สถานการณ์บ้านเมือง และราคาน้ำมันมีผลทำให้ยอดขายรถยนต์ปีนี้ลดลงบ้าง แต่ไตรมาสสุดท้ายเราจะพยายามเต็มที่เพื่อให้ยอดขายตรงตามเป้า"นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับแผนงานเพื่อเผชิญหน้ากับภาวะกดดันที่เกิดขึ้นดังกล่าว บริษัทได้ทำการปรับปรุงโชว์รูม ที่ซอยทองหล่อ ให้เป็น "European Trendy Lifestyle Showroom"เพื่อให้สามารถตอบสนองลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งย่านทองหล่อซึ่งเป็นย่านที่มีการใช้รถหรูตระกูลยุโรปค่อนข้างมาก รวมทั้งได้มีการปรับกลยุทธด้านการบริการโดยเปิดรับบริการลูกค้าภายนอก ที่เป็นรถหรูนำเข้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ จากทุกตัวแทนจำหน่าย สามารถนำรถยนต์เข้ามารับบริการได้ที่ศูนย์บริการของบริษัทในกรุงเทพฯ ทั้ง 6 สาขา
รวมทั้งยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (S.E.C. TECHNICAL SERVICE CENTER) จากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาในการแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้จากการบริการให้กับบริษัทเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันรายได้จากการบริการคิดเป็น 30% ของรายได้รวม ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายรถยนต์
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่เพียงแต่เรื่องการบริการ แต่ SECC ยังวางแผนเปิดตัวรถหรูอีกกว่า 25 รุ่น ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยจะนำออกแสดงในงาน“มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 หรือ มอเตอร์ เอ็กซโป 2008 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2551
"เราเชื่อว่าแม้เศรษฐกิจจะไม่ดียังไง ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าที่รักการใช้รถ เปลี่ยนรถ และเลือกใช้รถที่สามารถใช้ออกงานสังคุมและส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดีขึ้นมาได้"นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกนั้น SECC ก็ไม่ได้ประมาท แต่มีการปรับค่าใช้จ่ายแทนการปลดพนักงาน โดยเห็นได้จากปีนี้ได้ปรับลดงบการตลาดลงเหลือ 40 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะใช้ประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนงบการตลาดปี 52 คาดว่าจะใช้ลดลงจากปีนี้ประมาณ 10-20%
*มั่นใจ 8 ธ.ค.ผถห.เห็นชอบเพิ่มทุนเพื่อนำเงินทำรถเมล์ NGV สร้างรายได้ให้องค์กร
นายไพบูลย์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คัน ของ ขสมก.อย่างแน่นอนในช่วงเดือน ม.ค.52 อย่างแน่นอน และเชื่อว่าในการขอมติผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ธ.ค.เกี่ยวกับการเพิ่มทุนนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากเงินจากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ในโครงการรถเมล์ NGV ซึ่งจะเป็นที่มาของรายได้ของบริษัทในอนาคต
"เรามีการเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าประมูลโครงการรถเมล์ NGV จำนวน 4 พันคัน ในช่วง ม.ค.52 ครับ และคงจะดำเนินการเองทั้งหมด"นายไพบูลย์ กล่าว