แหล่งข่าวจาก บล.ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ(TBEV)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของไทยเบฟฯ เวลานี้ยังคาดหวังที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ทันภายในปี 51 แม้ว่าจะมีการชุมนุมคัดค้านการเข้าตลาดฯ แต่มองว่าธุรกิจที่ไทยเบฟฯทำไม่ได้ผิดกฎหมาย และเรื่องของการบริโภคกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นคนละเรื่องกัน
แต่ในระยะนี้ภาวะตลาดหุ้นไทยมีการแกว่งตัวผิดปกติมาก โดยเฉพาะเมื่อคืนที่ผ่านมา(19 พ.ย.)ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ได้ปรับตัวลงแรง ซึ่งจากการหารือกับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนหุ้นไทยเบฟฯ แล้วก็มีความเห็นว่านักลงทุนยังมีความพอใจกับปัจจัยพื้นฐานของไทยเบฟฯ แต่ก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดฯ ดังนั้น จึงตกลงกันว่าจะรอให้ตลาดฯมีเสถียรภาพกว่านี้อีกเล็กน้อย แล้วค่อยกลับมาคุยกันเรื่องการเสนอขายหุ้น IPO
"เราไม่เคยกำหนดวันเสนอขายหรือกำหนดวันขายที่ชัดเจนหุ้น IPO ของไทยเบฟฯเลย เพราะผมเห็นว่าเรื่องของเวลามัน Sensitive มาก"ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าว
ที่ปรึกษาทางการเงิน ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของไทยเบฟฯ ขณะนี้ก็ยังไม่ได้กำหนด แต่คาดว่าจะใช้ราคาอ้างอิงจากราคาซื้อขายหุ้นของไทยเบฟฯ ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันซื้อขายกันที่ 20-21 เซนต์สิงคโปร์/หุ้น หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4.50 บาท/หุ้น
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวถึงขั้นตอนการเข้าตลาดฯของไทยเบฟฯ ด้วยว่า ขั้นตอนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยเบฟฯ ที่จริงไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพราะหุ้นที่ขายเป็นหุ้นเก่าทั้งหมด แต่ ก.ล.ต.มีกฎเกณฑ์ว่าการเสนอขายหุ้นจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลบริษัทอย่างน้อย 30 วัน และข้อมูลจะต้องครบถ้วนด้วย
"เวลานี้ในส่วนของข้อมูลตามแบบไฟลิ่งได้เปิดเผยให้ก.ล.ต.และนักลงทุนรับทราบครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงแต่ราคาที่จะเสนอขาย IPO ของไทยเบฟฯเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้กำหนดอะไรในเวลานี้ หากกำหนดแล้วยื่นข้อมูลให้ก.ล.ต.ทุกอย่างก็จะครบถ้วน"ที่ปรึกษา กล่าว
บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 80 ล้านหุ้น มีความประสงค์จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน 2 ตลาด โดยบริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่สุด ใน เอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์