หุ้นกลุ่มน้ำมัน-ถ่านหินยังน่าสนใจในปี 52 แต่ปิโตรฯเข้าขาลงตามวัฎจักร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 20, 2008 19:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มพลังงานยังมีความน่าสนใจแม้ระยะที่ผ่านมาราคาจะปรับลดลง แต่ปีหน้าประเมินระดับราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มองราคาหุ้น PTT ที่ 140 บาทน่าจะต่ำสุดแล้วไม่น่าต่ำไปกว่านี้ PTTEP ยังคงมีรายได้เติบโตจากการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม ขณะที่ BANPU มีสถานะที่มั่นคง จากความต้องการถ่านหินในอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิต

ส่วนธุรกิจไฟฟ้าก็ยังคงเติบโตได้ดี และเชื่อว่าจะรับรู้กำไรจาก BLCP ในระดับสูง ส่วน PTTCH PTTAR เป็นไปตาม Cycle

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า แม้ปีหน้าจะเข้าสู่ช่วงขาลงของธุรกิจโรงกลั่น แต่ยังเชื่อว่าในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า โรงกลั่นจะมีความสามารถในการทำกำไร

ทั้งนี้ คาดว่าค่าการกลั่นปีหน้าจะอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปี 51 ที่อยู่ในระดับ 8-9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามในระดับ 7 เหรียญสหรัฐยังสูงกว่าต่นทุนของโรงกลั่น จึงเชื่อว่าจะยังมีกำไรและปีหน้ายังประเมินว่าระดับราคาน้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือว่าดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีหลังของปี 51 และจีนยังคงมีความต้องการน้ำมันในระดับสูง รวมทั้งเชื่อว่าปีหน้าความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้น

นายมนูญ กล่าวว่า จากการที่ราคาน้ำมันขาลง เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มน้ำมันเพราะจะถูกแทรกแซงจากภาครัฐน้อยลง

สำหรับหุ้นน้ำมันที่น่าสน คือ PTT ยังมีการลงทุนที่หลากหลายในธุรกิจพลังงาน ถือว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดี และระดับราคาที่ประมาณ 140 บาท/หุ้นถือว่าต่ำสุดแล้ว ไม่น่าจะต่ำกว่านี้ และไม่เชื่อว่าราคา PTT จะหลุด 100 บาท อย่างไรก็ตาม PTT ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของปัญหาความพยายามของกลุ่ม NGO ที่จะกดดันให้ออกจากตลาดหุ้น

ด้านนายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ว่าธุรกิจพลังงานจะได้รับผลกระทบจากราคาจากที่ปรีบพื้นฐานจากผลกระทบของเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทพลังงานหลายแห่งจะยังดีอยู่ในระยะ 1-2 ปี โดยเฉพาะหุ้น PTTEP เชื่อว่าจะยังคงมีรายได้เติบโตจากการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม

และหุ้น BANPU เชื่อว่าราคาถ่านหินในปีหน้า ยังมีราคาเฉลี่ยยังสูงกว่าปีนี้ โดยเฉพาะ BANPU มีการ lock ราคาล่วงหน้าไปแล้วเกือบ 50% และเชื่อว่าราคาน่าจะดีกว่าปีนี้ BANPU ยังมีการลงทุนในโรงไฟฟ้า BLCP ปีหน้าน่าจะรับรู้กำไรอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แม้ว่าราคาหุ้นปรับลดลมามาก แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท หากความเชื่อมั่นกลับมาเชื่อหุ้นจะบวกแรง เพราะลงมากมา

ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ยอมรับว่า อยู่ในช่วงขาลงเป็นไปตาม Cycle ถ้านักลงทุนที่มีเงินเย็นสามารถลงทุนได้ระยะยาว 3 ปีขึ้นไป หุ้น PTTAR, PTTCH จะให้ผลตอบแทนที่สูงมากเพราะหลังจาก 3 ปีจะกลับเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย เปิดเผยว่า กำลังซื้อในประเทศแถบอาเซียน จีน อินเดีย ยังคงเติบโตแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรปจะชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันและพลังงานน่าจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี 52 โดยหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามปัจจัยความเชื่อมั่นลดลง แต่ก็ยังให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้น PTTEP และให้ราคาเหมาะสมที่ 122 บาท เนื่องจากแผนการผลิตในปี 52 ปริมาณจะเติบโตถึง 12% แม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการภาพรวม มีสัญาณจะอ่อนตัวจากปีนี้แต่ไม่มากนัก และปีหน้าเชื่อว่า PTTEP จะมีการบันทึกปริมาณสำรองเพิ่มจากแหล่ง M9ในพม่า

หุ้นอื่นที่น่าสนใจ ยังคงแนะนำ BANPU เพราะมีสถานะที่มั่นคง จากความต้องการถ่านหินในอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าก็ยังคงเติบโต และเชื่อว่าจะรับรู้กำไรจาก BLCP ในระดับสูง



แท็ก สหรัฐ   BANPU   PTTEP   ว่าน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ