ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กกระแสวิตกเศรษฐกิจถดถอย ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 444.99 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 21, 2008 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่างหนัก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 444.99 จุด หรือ 5.56% แตะที่ 7,552.29 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 54.14 จุด หรือ 6.71% แตะที่ 752.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 70.30 จุด หรือ 5.07% แตะที่ 1,316.12 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 2.23 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 13 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.15 พันล้านหุ้น

ดานา จอห์นสัน นักวิเคราะห์จาก Comerica Inc กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายอย่างหนักเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า แผนฟื้นฟูภาคการเงินของรัฐบาลสหรัฐยังไม่มากพอที่จะยับยั้งการขาดทุนของธนาคารภายในประเทศได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ร่วงลง 1%ต่อเดือน ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนี CPI ในปีพ.ศ.2490 และหากเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI เดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 3.7%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550 และเป็นสถิติรายปีที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ร่วงลงรุนแรงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.8% ในเดือนต.ค.เนื่องจากราคาพลังงานลดลง ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐานที่ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.4%

"นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับข้อมูลดัชนี CPI และ PPI ที่สะท้อนให้เห็นว่า ระบบเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแล้ว เนื่องจากดัชนีทั้งสองประเภทเป็นตัวบ่งชี้สถานการณ์เงินเฟ้อ" จอห์นสันกล่าว

นักลงทุนแสดงความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงสู่ระดับ 0 -0.3% ในปีพ.ศ.2551 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัว 1-1.6% และได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีพ.ศ.2552 ลงสู่ระดับ 0.2-1.1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2-2.8%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลสหรัฐจะไม่ปล่อยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศล้มละลาย หลังจากนายริค วาโกเนอร์ ซีอีโอจีเอ็มเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำจนถึงกับ "ล่มสลายในวงกว้าง" หากรัฐบาลสหรัฐปล่อยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศล้มละลาย อีกทั้งจะส่งผลให้มีคนตกงานกว่า 3 ล้านคน และรัฐบาลจะต้องสูญรายได้จากภาษีถึง 1.56 แสนล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 3 ปี

ทั้งนี้ หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ดีดขึ้น 3.2% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 10.3%

ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินของสหรัฐ โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 26% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 18% และหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 14%

หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้น Chesapeake Energy Corp ดิ่งลง 28% หุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 19%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ