(เพิ่มเติม) BCP เดินหน้าแผนลงทุน 5 ปี 1 หมื่นลบ.มองหาพันธมิตรร่วมต่อยอดธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 21, 2008 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงวงเงินลงทุนตามแผนงาน 5 ปี (ปี 51-55)ที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมมองโอกาสซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจ และอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรด้านธุรกิจการเกษตรเพื่อร่วมโครงการเอทานอลครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่บริษัทกำลังศึกษาอยู่เช่นเดียวกับการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนและด้านทรัพยากรธรรมชาติ

นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน BCP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2551-2555) ไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท แต่แทนที่เงินลงทุนดังกล่าวจะใช้หมดใน 5 ปี ก็อาจจะยืดเป็น 6-7 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะพิจารณาการลงทุนตามโอกาสและความเหมาสะม

เนื่องจากในสถานการณ์แบบนี้ตอนนี้ทุกคนคง wait and see เพราะเราก็ต้องศึกษาการเข้าลงทุนอย่างรอบคอบ ส่วนแผนการศึกษาการทำธุรกิจใหม่นั้น โดยเฉพาะด้านธุรกิจเอทานอลครบวงจร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเจรจากับพันธมิตรที่ทำธุรกิจทางด้านการเกษตรเพื่อมาร่วมกันทำธุรกิจเอทานอลด้วยกัน โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 200,000 ลิตร/วัน ใช้เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท รวมถึงการศึกษาโครงการอื่นๆ ที่จะช่วยต่อยอดทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ เช่น ธุรกิจด้านโลจิสติก

*ไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน

นายปฎิภาณ กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมองว่าปัจจุบันหุ้น BCP ไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะดำเนินการดังกล่าว แม้ว่าราคาหุ้นในตลาดจะปรับตัวลดลงไปมาก

"หุ้น BCP ไม่มีสภาพคล่อง เพราะคนส่วนใหญ่ซื้อแล้วก็ถือเก็บไว้เก็งกำไรในระยะยาว เพราะมองว่าธุรกิจพลังงานน่าจะยังมีแนวโน้มที่ดี หากเราซื้อหุ้นคืนจะยิ่งทำให้สภาพคล่องน้อยลงไปอีกประกอบกับวอลุ่มของหุ้น BCP ในตลาดยังมีน้อยยิ่งจะทำให้วอลุ่มของหุ้นน้อยลง ดังนั้นจึงควรเก็บเงินที่จะซื้อหุ้นคืนไปใช้ลงทุนในโครงการอื่นๆ หรือซื้อกิจการที่จะมาต่อยอดและเพิ่มฐานรายได้ให้กับบริษัทฯ ดีกว่า"นายปฏิภาณ กล่าว

*คาดรายได้ปี 52 ใกล้เคียงปี 51 ที่ 1.4 แสนลบ.

นายปฏิภาณ ยังคาดการณ์รายได้ในปี 52 น่าจะใกล้เคียงปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบปี 52 น่าจะอยู่ที่ระดับ 55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

อย่างไรก็ตาม จากการที่โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (Prodution Quality Improvement : PQI) จะเริ่มเดินเครื่องผลิตตั้งแต่เดือน ม.ค.52 น่าจะช่วยให้ EBITDA ในปี 52 เพิ่มขึ้นเป็น 7-8 พันล้านบาท จาก 3 พันล้านบาทในปีนี้

ขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยในปี 52 อยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จากไตรมาส 3 ของปี 51 ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่วนค่าการกลั่นในไตรมาส 4 ของปี 51 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ไม่รวมกำไร

ส่วนด้านกำลังผลิตปี 52 คาดว่ากำลังการกลั่นยังจะเพิ่มเป็น 95,000 บาร์เรล/วัน จาก 75,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ 53 คาดว่าจะ ผลิตได้ 1 แสนบาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในไตรมาส 4 ปี 51 บริษัทฯจะยังมีการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีกเล็กน้อย แต่ในภาพรวมน่าจะยังดี เพราะ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปี 51 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท

"ในไตรมาส 3 เราขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 252 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการโดยรวม"นายปฏิภาณ กล่าว

*มั่นใจแข็งแรงและเติบโตสวนกระแส ศก.โลก

นายปฏิภาณ กล่าวว่า แม้หลายคนจะมองว่าปี 52 ภาคการส่งออกจะหดตัว กำลังซื้อลดลง แต่ในส่วนของบางจากฯ ยังมีความแข็งแรง และจะไม่แย่กว่าบริษัทอื่น เนื่องจากการเป็นผู้ประกอบการโรงกลั่นเองและยังสามารถขายน้ำมันได้เองด้วย สังเกตจากส่วนแบ่งการตลาดจากการขายน้ำมันของบางจากฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 51 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14% จาก 12.4% ในปี 50 ส่วนปี 52 ก็จะพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่ 14% โดยปีหน้าจะเน้นการขายผ่านสถานีบริการมากขึ้น รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ