บมจ.แม็ทชิ่งสตูดิโอ(MATCH) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2 รายที่สนใจเข้ามาร่วมทุนในธุกิจออนไลน์มีเดีย ซึ่งมีทั้งบริษัทจากต่างประเทศ และบริษัทร่วมทุนกับต่างชาติ
ขณะที่บริษัทเตรียมนำสวนสนุกยักษ์เคลื่อนที่เข้ามารับเทศกาลฤดูหนาวในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องต้นปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ในไตรมาส 1/52 เติบโตก้าวกระโดดจากไตรมาส 4/51 แต่รายได้ทั้งปี 52 ยังตั้งเป้าให้เติบโตใกล้เคียงกับปี 51 ที่ระดับ 10-15% เพราะยังกังวลกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยบริษัทได้วางแผนที่จะรุกรับงานอีเว้นท์ในต่างประเทศให้มากขึ้น
นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ กรรมการผู้จัดการ MATCH กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรจำนวน 2 รายในการเข้ามาร่วมทุนธุรกิจสื่อออนไลน์มีเดีย ซึ่งจะเป็นการเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจใหม่และมีอัตราการเติบโตที่มาก ส่วนรูปแบบการเข้ามานั้นคงจะต้องเจรจา แต่เชื่อว่าคงจะเป็นลักษณะการเข้ามาถือหุ้น
นอกจากนี้ ในปีหน้าก็จะเน้นหาตลาดใหม่ ๆ และสื่อด้านใหม่ๆ มากขึ้นโดยเฉพาะการรับงานต่างประเทศ เพื่อเป็นการรองปัญหาเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลงในปีหน้าอาจจะส่งผลต่องานอีเว้นท์และงานโฆษณาในประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าความต้องการของลูกค้าต่างประเทศที่จะว่าจ้างบริษัทให้ผลิตงานโฆษณาให้เพราะมีค่าแรงและต้นทุนในการดำเนินงานที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้รับจ้างผลิตในต่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการนำเครื่องเล่นสวนสนุกยักษ์เคลื่อนที่เข้ามาเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทมากขึ้นด้วย จากที่ก่อนหน้านี้ได้รับความสนใจโดยเครื่องเล่นดังกล่าวจะเข้ามาในช่วงกลางเดือนธ.ค.51-ก.พ.52 ซึ่งบริษัทจะได้รีบรวม 20 ล้านบาท มาจากการรับจ้างผลิตและค่าคอมมิชชั่นจากการหาสปอนเซอร์ประมาณ 10% ที่ขณะนี้มีเข้ามาแล้ว โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากเครื่องเล่นดังกล่าวเข้ามามากในช่วงไตรมาส 1/52 แต่ไตรมาส 4/51 จะมีการรับรู้รายได้เข้ามาเล็กน้อยบ้างแล้ว ทำให้รายได้ในไตรมาส 1/52 จะเติบโตก้าวกระโดดจากไตรมาส 4/51
จากปัจจัยดังกล่าวการที่จะรักษาการเติบโตรายได้ของปี 52 ให้อยู่ที่ระดับเท่าปี 51 ที่โต 10-15% ถือเป็นระดับที่น่าพอใจถึงแม้ในปีหน้าจะมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นก็ถือว่าเป็นส่วนเพิ่มจากเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกันก็จะรักษาฐานรายได้การรับงานในประเทศที่ 60% เอาไว้ด้วย ขณะที่งานต่างประเทศ 40%
นายสมชาย กล่าวว่า ในปีนี้ก็หวังว่าจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดสิ้นปีนี้ (51) หลังจากที่บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดในช่วงไตรมาส 3 และสิ้นปีก็คงจะพลิกมาเป็นกำไรได้ ส่วนจะจ่ายในอัตราเท่าใดคงขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการบริษัทฯ จากที่ไม่เคยจ่ายเลยใน 4 ปีที่ผ่านมา
"ในปีหน้าเราคงจะไม่ผลีผลามและคงจะไม่เห็นการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์อย่างนี้...จะลงทุนก็ต่อเมื่อเห็นเม็ดเงินจริงๆ ปีหน้าผมมองว่าแค่ชกให้แม่น ยืนให้หมดยกก็เพียงพอแล้ว" นายสมชายกล่าว