ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าห้าปีเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ได้ปกคลุมบรรยากาศการซื้อขายจนแม้แต่แรงบวกในหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ก็ไม่สามารถชดเชยได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 94.03 จุด หรือ 2.4% ปิดที่ 3,780.96 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่เดือนเม.ย.2546 ฉุดให้ดัชนีร่วงลง 11% ในสัปดาห์นี้
โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอาจรุนแรงกว่าที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้ในตอนแรก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงที่ระดับ 5% ต่อปีในไตรมาสสี่ และอัตราว่างงานจะพุ่งสูงถึง 9% ภายในปีหน้า จากระดับ 6.5% ในเดือนก่อน
มูลค่าหุ้นของอังกฤษสูญไปกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เนื่องจากการปรับลดมูลค่าทางบัญชีและการขาดทุนจากสินเชื่อของบรรดาสถาบันการเงินทั่วโลกได้กัดเซาะผลกำไร
สำหรับการซื้อขายในวันศุกร์ หุ้น National Grid Plc ร่วงลง 7.2% แตะ 631 เพนซ์ นับเป็นการร่วงลงมากที่สุดในหกสัปดาห์ หลังจาก HSBC Holdings Plc ปรับลดความน่าลงทุนในหุ้นเป็น "neutral'' จากระดับ "overweight" และ Centrica Plc ทรุด 6.3% แตะ 267.75 ดิ่งลงมากสุดในรอบสี่ปี หลังจากผู้ถือหุ้นอนุมัติให้มีการเพิ่มทุนเพื่อสนับสนุนการซื้อหุ้น 25% ของ British Energy Group Plc.
ขณะที่หุ้นโภคภัณฑ์ปรับตัวคึกคัก โดย BHP Billiton Ltd บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก ดีดขึ้น 6% แตะ 797.5 เพนซ์ และ Rio Tinto Group บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับสาม บวก 2.6% แตะ 2,075 เพนซ์