กบข.คาดปี 51 อัตราผลตอบแทนติดลบ 6-7% แต่ปี 52 คาดพลิกเป็นบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 24, 2008 08:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนบำเหน็ญบำนาญข้าราชการ(กบข.)คาดว่า อัตราผลตอบแทนปี 51 จะติดลบที่ 6-7% เหตุมีสัดส่วนลงทุนหุ้นที่ราคาปรับลงอย่างรวดเร็ว แต่กลยุทธ์การลงทุนปี 52 ยังคงลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศแต่จะลดสัดส่วนโดยจะทยอยเก็บใน 6 เดือนข้างหน้าเชื่อว่าราคาหุ้นต่ำเหมาะเข้าลงทุน ขณะเดียวกันหันมาลงทุนทางเลือกใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งในรูปอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนโดยตรงในบริษัทนอกตลาด คาดว่าในปี 52 อัตราผลตอบแทนจะพลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7% จากราคาหุ้นดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น

"สิ้นปี 51 มีความเป็นไปได้ว่าผลตอบแทนจะติดลบ 6-7% เป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่บริหารกองทุนมา...การลงทุนของกบข.ไม่ได้ผิดพลาดอะไรเลย ดีกว่าผลตอบแทนของประเทศ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเรากำหนดการลงทุนในหุ้นในประเทศและต่างประเทศ แต่การลงทุนในหุ้นเพื่อต้องการชนะเงินเฟ้อและให้ผลตอบแทนที่ดี"นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กบข.กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง12 เดือนย้อนหลัง (ต.ค.50-ก.ย.51) กบข.มีอัตราผลตอบแทนติดลบ 4.55% เนื่องจากการขายหุ้นออกไป และการลดลงของมูลค่าหุ้น

อย่างไรก็ดี นายวิสิฐ กล่าวว่า ในปี 52 กบข.จะมีการเปลี่ยนแปลงการลงทุน โดยยังลงทุนในหุ้นอยู่แต่ลดสัดส่วนการลงทุน เพราะถ้า กบข.ไม่ลงทุนหุ้นเลย เชื่อได้ว่าอัตราผลตอบแทนในปีหน้าจะต่ำเพียง 1-2% ตามผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล จึงเห็นว่า กบข.ยังคงลงทุนในหุ้น และเตรียมที่จะเข้าลงทุนต่อไป ซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้ว โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร

ปัจจุบัน กบข.ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งก็ยังคงเพดานการลงทุนในประเทศที่ 11.5% และ ในต่างประเทศ 12.5% หรือรวมกันมีเพดานลงทุนหุ้นทั้งหมดประมาณ 25%

"เรากำลังรอจังหวะเวลาที่เข้าลงทุนในหุ้น ใน 6 เดือนข้างหน้า โดยลักษณะทยอยลงทุน ซึ่งหุ้นในประเทศยังลงทุนได้ 3% หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่คงไม่ลงทุนในวันนี้ ...หุ้นจะ reactive 6 เดือนก่อนที่ภาวะเศรษฐกิจฟื้น" นายวิสิฐ กล่าว

นายวิสิฐ คาดว่า ในปี 52 กองทุน กบข.จะพลิกอัตราผลตอบแทนเป็นบวกได้ที่ประมาณ 5-7% จากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น โดยเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะไม่เลวร้ายเหมือนปี 40 และคาดการณ์ว่าจีดีพีจะโต 3-3.5% ประกอบกับการลงทุนในพันธบัตร หรือ Fixed income สัดส่วนอยู่ที่ 60% ใกล้เคียงปีนี้ที่ 59-60%

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนทางเลือกใหม่ ได้แก่ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คือ อาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ซึ่งให้ผลตอบแทนปีละประมาณ 8-10% โดยปัจจุบันลงทุนไป 4% ของพอร์ต จากเพดาน 6.5-7% รวมทั้งยังมีการลงทุนบริษัทโดยตรงซึ่งเป็นบริษัทนอกตลาด(Private Equity)ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งลงทุนไปแล้ว 3-4% จากเพดาน 7% ทั้งนี้จะทยอยลงทุนเพิ่มตามแผน(ปี 51-53)

กบข.จะมีการทบทวนสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) แต่ก็ยังเห็นว่าจะต้องมีการลงทุนในหุ้น เพราะหากไม่มีเลย ผลตอบแทนที่ได้คงไม่สูงซึ่งประคองตัวตามกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอื่นแต่การลงทุนของกบข.มีเป้าหมายเพื่อชนะเงินเฟ้อด้วย

"การปรับกลยุทธ์การลงทุนไม่ใช่ไม่พอใจนโยบายการลงทุนในหุ้น แต่จะเปลี่ยนเป็นกำหนด Risk จากเดิมที่จะจัดการลงทุนแบบ Active และ ลงทุนตาม Index ....ที่ผ่านมาได้กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Tracking Error) ไม่เกิน 6%" นายวิสิฐกล่าว

อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าไม่ควรดูผลตอบแทนเป็นรายปี ควรดูย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี เนื่องจากสมาชิก กบข.ได้รับผลตอบแทนสะสม โดยหากสมาชิก กบข.ที่เริ่มเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน ช่วงปี 40-50 อัตราผลตอบแทนอยุ่ที่ 8.24% ขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (ปี 48-50)อยู่ที่ 6.47% และ ย้อนหลัง 5 ปี (ปี 46-50) อยู่ที่ 6.61%

ปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 3.6-3.7 แสนล้านบาท จากช่วงก.ย.51 ที่มี 3.9 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นคืนเงินให้สมาชิกที่เกษียณ 2 หมื่นราย โดยปีนี้มีสมาชิกที่เกษียณก่อนกำหนด 1.2-1.3 หมื่นราย ส่วน ณ สิ้นปี 50 กบข.มีสินทรัพย์ 3.6 แสนล้านบาท



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ