ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) ขานรับการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐที่เข้าพยุงกิจการซิตี้กรุ๊ป ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 396.97 จุด หรือ 4.93% ปิดที่ 8,443.39 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่ง 51.78 จุด หรือ 6.47% แตะที่ 851.81 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 87.67 จุด หรือ 6.33% แตะที่ 1,472.02 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 2.04 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.56 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะลงทุนจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในธนาคารซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือธนาคาร และกระทรวงการคลังจะเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิของซิตี้กรุ๊ป
สำหรับเงื่อนไขของการเข้าลงทุนในซิตี้กรุ๊ปครอบคลุมถึง กระทรวงการคลังและบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC) จะคุ้มครองผลขาดทุนของพอร์ตเงินกู้และหลักทรัพย์มูลค่าราว 3.06 แสนล้านดอลลาร์ในงบดุลบัญชีของซิตี้กรุ๊ป ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยื่นมือช่วยเหลือในด้านการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม ผ่านทางการเสนอเงินกู้แบบ non-recourse
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังระบุว่า กระทรวงการคลังและ FDIC จะเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิ์ในซิตี้กรุ๊ป ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพื่อแลกกับการที่รัฐจะอัดฉีดเม็ดเงินทุนมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวม 7 แสนล้านดอลลาร์
ซิตี้กรุ๊ป และหน่วยงานด้านการเงินของสหรัฐ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และกระทรวงการคลัง เจรจาร่วมกันตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อจำกัดผลกระทบที่มีต่อกิจการซิตี้กรุ๊ป เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีของซิตี้กรุ๊ปมีแนวโน้มร่วงลงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 60% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลในวงกว้าง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการที่ บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศแต่งตั้งทิโมธี ไกธ์เนอร์ ดำรงตำแหน่งรมว.คลัง และแต่งตั้งลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส เป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ
สก็อต เบลเยอร์ นักวิเคราะห์จาก CreateCapital.com กล่าวว่า "นักลงทุนขานรับการดำรงตำแหน่งรมว.คลังของไกธ์เพราะบุคคลผู้นี้มีความรู้ความสามารถด้านการเงิน เขาเคยร่วมงานกับลอเรนซ์ ซัมเมอร์ส และเป็นบุคคลที่มีบทบาทอย่างมากในการช่วยเหลือ เฮนรี พอลสัน รมว.คลังคนปัจจุบัน ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในสถาบันการเงินของสหรัฐ รวมถึงแบร์ สเติร์นส, เลห์แมน บราเธอร์ส และเอไอจี"
นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของโอบามาว่า จะแต่งตั้ง เบน เบอร์นันเก้ เป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่งหรือไม่ เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของเบอร์นันเก้หมดลงในเดือนม.ค.ปีพ.ศ.2552
หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดาวโจนส์ทะยานขึ้นด้วย โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 58% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 27% และหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 21%
ส่วนหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านพุ่งขึ้น 16.6% แม้สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ร่วงลง 3.1% แตะระดับ 4.98 ล้านยูนิต ก็ตาม