นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) คาดว่า การชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิจะมีผลกระทบระยะสั้น เพราะประเทศไทยยังเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว และยังมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 15% เนื่องจากผลดำเนินงานในครึ่งปีแรกทำไว้ค่อนข้างดี ประกอบการรายได้มาจากหลายส่วนทั้งโรงแรม อาหาร และอื่น ๆ
"ก็คงไม่ดีในภาพรวม คนอาจจะเดินทางไม่ได้ คนจะไปทำงานก็ไปไม่ได้ สร้างผลกระทบในแง่ความรู้สึก ประเทศเราเป็นประเทศท่องเที่ยว เป็นแบบนี้จะเอาอะไรไปขายเค้า...แต่เชื่อว่าไม่เป็นไรหรอก เมืองไทยยังไงก็เป็นที่ท่องเที่ยว เดี๋ยวนักท่องเที่ยวก็ต้องกลับมาเยือนไทยแน่"นางสาวประภารัตน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์
สำหรับธุรกิจของ MINT ก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนเดิม แขกที่เข้าพักก็ไม่ได้ตื่นเต้นหรือตื่นตระหนกตกใจอะไร ห่วงแต่ลูกค้าที่ Check out ไปแล้วติดอยู่ในสนามบินกลับประเทศก็ไม่ได้ออกจากสนามบินก็ไม่ได้ ส่วนลูกค้าที่จองห้องพักไว้ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งยกเลิก
สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองยอมรับว่าอาจจะกระทบต่อตัวเลขผู้เข้าพักในช่วงครึ่งปีหลัง แต่เนื่องจากครึ่งปีแรกเราทำไว้ดี จึงยังมั่นใจว่าตัวเลขรายได้ปี 51 ที่คาดว่าจะเติบโต 15% นั้นทำได้ตามเป้าแน่นอน ประกอบกับบริษัทไม่ได้ทำเฉพาะธุรกิจโรงแรม แต่ยังมีธุรกิจอาหารที่ทำรายได้ให้บริษัทถึง 50% โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วน 40% ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ เช่น Residential พลาซ่า สปา ฯลฯ
สำหรับแนวโน้มปี 52 ที่มีผู้คาดการณ์ว่าจะเป็นปี"เผาจริง"ของเศรษฐกิจไทย บริษัทก็ยอมรับว่าเป็นห่วงเหมือนกัน แต่ก็พร้อมที่จะทำงานหนักขึ้น ขยันขึ้น และ ประหยัดขึ้น
ด้านเจ้าหน้าที่ของ บมจ.โอเอชทีแอล (OHTL) กล่าวเพียงว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อประเมินสถานการ์และความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลังสนามบินสุวรรณภูมิถูกปิดทำการ