CPNเผยปี 52 ลดเงินลงทุน-เป้ารายได้เหลือโต 25%จากผลศก.ทรุด-การเมืองป่วน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 26, 2008 13:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี -บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายราไยด้ปี 52 ลงเหลือเติบโตราว 25% จากเดิมที่ตั้งไว้ 30% และปรับลดวงเงินลงทุนลงเหลือ 4.6 พันล้านบาท เนื่องจากมีการเลื่อนบางโครงการออกไป จากผลกระทบแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวที่อาจยืดเยื้อยาวนานขึ้น และปัญหาการเมืองในประเทศ

"การเมืองถือเป็๋นปัญหาหลักในตอนนี้ที่ทำให้ความรู้สึกของคนไม่อยากไปไหน และอาจจะลากยาวไปถึงปีหน้า ซึ่งเราก็ได้มีการวางแผนในการรองรับ ไว้บางส่วน ถึงแม้ลึกๆจะหวังว่ามีโอกาสที่จะดีขึ้นได้"นายนริศ กล่าว

บริษัทปรับแผนการลงทุนในปี 52 ลดลง 30-40% จาก ปี 51 ที่ใช้วงเงินลงทุนประมาณ 7.1 พันล้านบาท โดยมีบางโครงการที่เลื่อนออกไป เช่น โรงแรมที่พัทยา มูลค่า 2 พันล้านบาท เลื่อนไปไปปลายปี 52 จากเดิมกำหนดเปิดในเดือน เม.ย.52 และศูนย์การค้าที่พระราม 9 ก็เลื่อนออกไปด้วย

และบริษัทยังจะต้องรอประเมินค่าก่อสร้างใหม่หลังจากที่ราคาวัสดุดก่อสร้างปรับตัวลดลง ประมาณ 20% ซึ่งอาจจะทำให้ค่าก่อสร้างลดลง ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศในจีน บริษัทก็เลื่อนการลงทุนไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมจะลงทุนในปี 53

นายนริศ กล่าวว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 4/51 อาจลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/51 เนื่องจาก บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการโฆษณาในการเปิดศูนย์ใหม่ที่แจ้งวัฒนะในวันที่ 27 พ.ย.นี้ โดยปัจจุบันมียอดอัตราการเช่าพื้นที่แล้ว 80-85%

แต่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไม่น่าส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้ในปี 51 ที่ตั้งเป้าเติบโต 15% จากปีก่อน เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้โตแล้วกว่า 14%

นายนริศ กล่าวถึงแผนขยายขนาดกองทุนอสังหาริมทรพัย์ CPN รีเทล โกรท(CPNRF) ที่เคยคิดว่าจะเสนอขายในเดือน ธ.ค.51 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทว่า บริษัทประเมินว่าขณะนี้ไม่มีความจำเป็นมากนักที่จะขยายกองทุนฯ เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมาก ประกอบกับ ปัจจุบันบริษัทมีวงเงินกู้แล้ว 1.5 พันล้านบาท และยังมีวงเงินโอดี 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ระยะสั้น

ทั้งนี้ การต่อสัญญาพื้นที่บริเวณลาดพร้าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจาจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แต่คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา โดยเรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี แต่หากไม่สามารถต่อสัญญาได้ทันภายในสิ้นปีนี้ ก็เชื่อว่ากระทบ ถึงแม้บริษัทจะมีการเปิดห้างใหม่ก็ตาม เพราะห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวยังถือเป็นศูนย์ทรี่สร้างรายได้หลักอันดับ 2 รองจากเซ็นทรัลเวิลด์

สำหรับโครงการสวนลุมไนท์บาซาร์ ความคืบหน้าขณะนี้บริษัทจะได้รับโอนพื้นที่ในปลายปี 52 และคาดว่าจะสามารถก่อสร้างในปี 53-54 ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ดี ทั้งภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาต่างๆน่าจะคลี่คลาย



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ