นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา(CENTEL)เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อแบรนด์อาหารระดับโลก 2 แห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/52 โดยขณะนี้การเจรจาคืบหน้าไปแล้ว 60-70% โดยมองว่าธุรกิจอาหารยังคงเติบโตได้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว
ที่ผ่านมาเคเอฟซี ก็ยังมียอดขายดีและได้รับความนิยม แต่ยอมรับว่าอาหารประเภทขนม เช่น อานตึ้แอนส์ , บาสกิน รอบบิ้น ได้รับผลกระทบ แต่บริษัทก็ยังมีแผนจะปิดสาขาอานตี้แอนส์ 3 แห่ง และ บาสกิน 8 แห่งในปีหน้า ส่วนพิซซ่าฮัท ปิดตัว 1 แห่งเพราะหมดสัญญาเช่าพื้นที่
ขณะที่บริษัทมีแผนขยายสาขาแบรนด์เคเอฟซี 8 แห่ง มิสเตอร์โดนัท 9 แห่ง เปบเปอร์ลันซ์ 5 แห่ง รวมแล้วสิ้นปี 52 จะมีสาขาร้านอาหารในเครือรวม 517 แห่งจากปัจจุบันมี 510 แห่ง
นายรณชิต กล่าวว่า บริษัทคงแผนลงทุนปี 52 ในวงเงิน 2.6 พันล้านบาท เพื่อสร้างโรงแรมในพัทยาต่อเนื่องประมาณกว่า 2 พันล้านบาท รวมถึงลงทุนในการขยายสาขาร้านอาหารประมาณ 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งเปิดโรงแรมที่พัทยาให้ได้ตามแผนในไตรมาส 2-3 ในปีหน้า ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมที่รายได้รวมทั้งปี 52 ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 9.15 พันล้านบาท หรือเติบโต 12.4% จากปี 51 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 8.14 พันล้านบาท
"ปีหน้าธุรกิจโรงแรมยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ โดยเราจะเจาะกลูกค้าแถบประเทศจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมทั้งเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่นิยมไปเที่ยวต่างประเทศให้หันกลับมาเที่ยวเมืองไทย เพื่อทดแทนกลุ่มลูกค้ายุโรปและอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกหนักที่สุด แต่หากสถานการณ์เริ่มเข้าที่เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นแหล่งที่กลุ่มเหล่านี้กลับมาเร็ว เนื่องจากราคาห้องถูก" นายรณชิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองในประเทศ และ เหตุกรณ์บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ นายรณชิต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบที่ชัดเจน และบริษัทก็พยายามอธิบายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด
"ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความกังวล เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ในฐานะบริษัทจดทะเบียนกํพยายามปรับตัว เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทและหากเคลียร์กันได้ภายใน 2-3 วัน ตัวเลขนักท่องเที่ยวก็จะกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเป็น่ช่วงไฮซีซั่นและเมืองไทยยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่างชาตินิยมอยู่" นายรณชิต กล่าว