ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยลงจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานและผลประกอบการของบริษัทพลังงานทรุดตัวลงด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 18.56 จุด แตะที่ 4,152.69 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,050.67-4,198.74 จุด
คริสเตียน แกตทิค นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จากบริษัท Bank Julius Baer & Co. กล่าวว่า "ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยยังคงเป็นปัจจัยลบที่บั่นทอนตลาดและส่งผลให้ภาวะการซื้อขายผันผวนมาก ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้ส่งผลบดบังการแถลงแผนเศรษฐกิจของบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว"
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคภายในประเทศร่วงลงรุนแรงสุดในรอบ 13 ปี และอัตราการลงทุนในไตรมาส 3 ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์การเงิน นอกจากนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของอังกฤษหดตัวลง 0.5% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 16 ปี
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2% หุ้นบีพีดิ่งลง 1.5% หลังจากเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีพ.ศ.2552 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยรุนแรง ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ กรุ๊ป ดิ่งลง 4%
ทั้งนี้ เมอร์ริล ลินช์ ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันปี 2552 ลงสู่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดไว้ที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะมองว่าเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยรุนแรงจะฉุดรั้งความต้องการพลังงานในปีหน้าให้ลดลงด้วย