นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองนั้น จะส่งผลให้ตลาดหุ้นซบเซาต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันลดลงต่ำกว่าระดับปกติมาก โดยต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท/วัน จากปกติที่ 1.6 หมื่นล้านบาท/วัน
เหตุการณ์ปิดสนามบินทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และภาพลักษณ์ของประเทศ แบบม้วนเดียวจบ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นให้กลับมาเป็นปกติได้ ภาคเอกชนควรจะพึ่งพาตัวเองเพื่อความอยู่รอด และอย่าคาดหวังกับมาตรการที่รัฐบาลผลักดันออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก เพราะไม่แน่ใจว่ามาตรการต่างๆ จะสามารถดำเนินการในทางปฏิบัติได้อย่างสะดวกราบรื่นหรือไม่ท่ามกลางปัญหาการเมืองในขณะนี้
"เท่าที่ดูสิ่งที่ผมเป็นกังวลมาก คือยังหาทางออกที่เหมาะสมไม่ได้ เรายังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอกับทางออกที่เหมาะสม ขณะนี้ทุกคนต้องช่วยตัวเองไปก่อน"นายปกรณ์ กล่าว
ประธาน ตลท. ยังเชิญชวนให้บริษัทจดทะเบียนเข้ามาร่วมโครงการซื้อหุ้นคืนให้มากขึ้น เพื่อเข้าไปดูแลราคาหุ้นไม่ให้ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะหากราคาต่ำเกินไปจะส่งผลเสียต่อการระดมทุน หรือเพิ่มทุนในอนาคต เพราะอาจได้ราคาหุ้นไม่ดี ขณะเดียวกัน ตลท.ก็มีการจัดตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์เข้ามาช่วยอีกทาง โดยปัจจุบันจัดตั้งไปแล้ว 8,250 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น ยังแนะนำให้นักกลงทุนใช้โอกาสในช่วง 2-3 ปีนี้เข้าซื้อหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลดี เพราะการจะเน้นหากำไรจากการซื้อขายหุ้นตามปกติคงทำได้ยาก แต่เงินปันผลจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก