หุ้น MPIC ราคาพุ่งพรวดขึ้น 13.08% มาอยู่ที่ 1.21 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 30.35 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.40 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.09 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.26 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.09 บาท
ล่าสุดเมื่อ 11.57 น.ราคาหุ้น MPIC อยู่ที่ 1.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท(+7.48%)มูลค่าซื้อขาย 43.18 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า หุ้น บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC)เช้านี้ปรับตัวขึ้นสูง ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นผลจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่า MPIC มีความคืบหน้าแผนแลกหุ้น PM-MNR และเห็นว่ากำลังเตรียมทุ่มงบ 200 ลบ.สร้างหนังไทย และซื้อหนังจากต่างประเทศด้วย
นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการเงิน บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แผนการแลกหุ้นบริษัท แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (PM) และบริษัท มีเดีย เน็ตเวิร์ก รีเทล (MNR)ได้มีการแจ้งการชะลอออกไปแล้ว แต่แผนการแลกหุ้นนี้ยังมีความเห็นกันว่าเป็นวิธีการที่ดี จึงยังคงแผนนี้ไว้อยู่ เพียงแต่ยังไม่ใช่ที่จะทำในตอนนี้ คงจะต้องรอให้ภาวะตลาดหุ้นไทยดีขึ้นก่อน ตลาดฯไม่ผันผวน ซึ่งก็คาดว่าจะน่าทำในปีหน้า(2552)
สำหรับเรื่องการซื้อหนังจากต่างประเทศบริษัทฯก็ได้ทำตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนหนังไทยเวลานี้ ก็ได้ทำหนังไทยแล้วเรื่อง บอยด์ ป๊อด(Boyd & Pod)เป็นหนังสั้น ส่วนหนังใหญ่ ขณะนี้ก็กำลังศึกษาแนวทางอยู่ว่าจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งก็ต้องดูภาวะตลาดหนังไทยด้วย คาดว่าปีหน้าก็น่าจะได้เห็น โดยทุนที่จะใช้ในการสร้างหนังใหญ่ก็น่าใช้ขั้นต่ำกว่า 10 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อรวมทั้งซื้อหนังจากต่างประเทศและสร้างหนังไทย ก็น่าจะใช้งบฯได้ถึง 200 ล้านบาท เพราะลำพังแค่ซื้อหนังจากต่างประเทศก็ใช้เงินประมาณ 100 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MPIC กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปีนี้(2551)คาดว่าจะยังขาดทุนอยู่ ดูจาก 3 ไตรมาสของปีนี้ก็ขาดทุนไปมากถึง 101.46 ล้านบาทแล้ว(งบรวม)โดยเวลานี้อยู่ระหว่างการควบคุมค่าใช้จ่ายอยู่ และกำลังจัดทำแผนธุรกิจของปีหน้า(2552)