BAT-3K คาดปี 52 ยอดขายลดลง 15-20% ต่อเนื่องจากปี 51 จากภาวะศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 27, 2008 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บมจ. ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ (BAT-3K) ยอมรับว่า ปี 52 ประเมินยากทั้งในแง่รายได้และกำไร แต่หากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและวิกฤตยังลากยาว ก็เชื่อว่าจะส่งผลต่อยอดขายในปีหน้าลดลงไม่น้อยกว่า 15-20% ดังนั้น บริษัทคงจะต้องลดกำลังการผลิตเหลือ 2.5 แสนลูกต่อเดือน จาก 3.5 แสนลูกต่อเดือนในปัจจุบัน

ขณะที่ตลาดรถยนต์ ปี 52 มีแนวโน้มว่าอัตราเติบโตจะลดลง 30% แต่การที่บริษัทเติบโตน้อยกว่าอุตสาหกรรมเนื่องจากเรามีตลาด Replacement ขณะที่ยอดขายในปีนี้ก็คงมีลดลงมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 5 พันล้านบาท โดย 9 เดือน ก็มีการปรับตัวลดลงประมาณ 10% แล้ว

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าในปี 51 นี้บริษัทจะยังเห็นการขาดทุนสุทธิอยู่ เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมา ขาดทุนสุทธิ 145 ล้านบาท

"คงต้องยอมรับว่า สถานการณ์อย่างนี้ประเมินยากว่าภาพในปีหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ที่รู้คือการขาดทุนในปีนี้เห็นอย่างแน่นอน เพราะราคาต้นทุนตะกั่วมีความผันผวนตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ถึงแม้ตอนนี้ราคาจะปรับตัวลดลงมาแล้วก็ตาม และหนำซ้ำยังมีเจอการชะลอตัวของเศรษฐกิจอีกก็ย่อมทำให้กำลังซื้อของตลาดในประเทศและต่างประเทศชะลอตามไปด้วย"นายวีรวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือน ลดลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือ 13% จากที่เคยอยู่ที่ 31% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดทุนสต็อก

นอกจากนี้ จากผลกระทบที่เกิดขึ้นยังได้ลามไปยังรายได้จากการส่งออกด้วยที่มีแนวโน้มจะลดลงในไตรมาส 4 นี้ ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ขณะเดียวกัน

นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อว่าจากปัจจัยดังกล่าว บริษัทได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง (ขายหน้าร้าน) ลดความเสี่ยงโดยพยายามขายสินค้าเงินสด หลีกเลี่ยงการขายผ่อนชำระ ถึงแม้จะขายได้น้อยลงก็ตาม รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดลง เพื่อรักษาสภาพคล่อง ถึงแม้ปัจจุบันบริษัทจะมีสภาพคล่องที่ดี มีวงเงินกู้ (OD) 2 พันกว่าล้านบาท และยังมีกำไรสะสม 700 ล้านบาทก็ตาม ซึ่งถือว่าสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในปีหน้าที่ประเมินว่าภาพรวมธุรกิจอาจจะมีการขยายตัวไม่มาก

แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 52 บริษัทไม่น่าจะขาดทุนจากสต็อกแล้ว เพราะปัจจุบันราคาตะกั่วได้ปรับตัวลดลงมาที่ 1.2-1.3 พันเหรียญสหรัฐฯต่อตัน จากที่เคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 3 พันเหรียญสหรัฐฯต่อตัน

นอกจากนี้ จะเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการบริการหลังการขาย ซึ่งปัจจุบันเรามี 3K Shopกว่า 200 สาขา ซึ่งจะช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้

สำหรับแผนการจ่ายเงินปันผลนั้น นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า เราคงต้องประเมินเพราะตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป และเชื่อว่าหากไม่จ่ายหรือแม้จะจ่ายปันผลน้อย ผู้ถือหุ้นก็น่าจะเข้าใจและรับได้ ถึงแม้ปัจจุบันสามารถนำกำไรสะสมที่มีอยู่ 700 ล้านบาทมาจ่ายได้ก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ