ราคาหุ้น SECC ภายบ่ายยังร่วงลงฟลอร์ที่ 29.13% มาที่ 0.73 บาท ลดลง 0.30 บาท เมื่อเวลา 14.59 น.ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในระดับฟลอร์ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยเมื่อวันที่ 26 พ.ย.51 ราคาหุ้น SECC อยู่ที่ 1.03 บาท ลดลง 0.44 บาท (-29.93%) และเมื่อวันที่ 25 พ.ย.51 ราคาอยู่ที่ 1.47 บาท ลดลง 0.63 บาท (-30.00%)
ขณะที่ บมจ.เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส(SECC) ยังไม่ได้มีการชี้แจงข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)หลังจากมีกระแสข่าวว่าผู้บริหารหนี้ออกไปนอกประเทศแล้ว โดย ตลท.ขึ้น NP หุ้น SECC ตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าผู้บริหาร SECC หายตัวไปในขณะนี้ เกิดข่าวลือว่าสาเหตุมาจากเป็นหนี้นอกระบบที่ได้ไปกู้ไว้จำนวนมากและนำหุ้นไปค้ำประกันไว้ เมื่อราคาหุ้นตกลงมากมูลค่าหายไป ทำให้ถูกเจ้าหนี้ตามทวงเงิน นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่ามีการไซฟ่อนเงินของ SECC จำนวน 250 ล้านบาทด้วย
แหล่งข่าวจาก SECC เปิดเผยว่า จนบัดนี้ยังไม่สามารถติดต่อนายสมพงศ์ วิทยารักษ์สรรค์ได้ ส่วนเรื่องชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ล่าช้านั้น เป็นเพราะได้รับแจ้งจากทาง ตลท.ว่าจะมีคำถามเพิ่มเติม จึงรอที่จะชี้แจงทีเดียว
"ไม่มีใครติดต่อคุณสมพงษ์ได้เลย ส่วนเรื่องชี้แจง ตลท.นั้นก็คงจะชี้แจงไปตามความเป็นจริง ซึ่งคงไม่รอให้คุณสมพงษ์มาชี้แจงเองหรอกครับ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอตัวแก ส่วนที่ชี้แจงช้าเพราะเห็นทาง ตลท.บอกว่าจะมีคำถามเพิ่มเติม และคงต้องมีมติอะไรออกมาให้ชัดเจนก่อนถึงจะชี้แจงไปได้ เพราะต่อจากนี้ไปก็คงต้อวงระมัดระวังเรื่องการชี้แจง เพราะเราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ"แหล่งข่าว กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
เมื่อถามถึงผลกระทบหรือความเสียหายของบริษัทที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว แหล่งข่าว กล่าวว่า เท่าที่ประมวลกันยังไม่มี แต่ในอนาคตยังบอกอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่
"เท่าที่ดู เท่าที่ประมวลกันยังไม่พบความเสียหาย แต่ก็ไม่ทราบว่าในอนาคตอาจจะไปเจออะไรเข้าที่แกอาจจะลืมๆ ทิ้งไว้ เป็นเรื่องของอนาคต"แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งของนายสมพงษ์หรือไม่ แหล่งข่าว กล่าวว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของบอร์ดตัดสินใจดีกว่า
"ผมยังไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้บริหาร จนทำให้หุ้นบริษัทถูกขึ้น NP มองว่าเป็นเรื่องของ ตลท. ตามระเบียบเค้าน่ะครับ เราเองก็ยังงง ๆ อยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น เลยยังไม่รู้จะชี้แจง ตลท. ยังไง ขอเวลาให้เรานิดนึง"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวถึงการที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลดลงร่วงฟลอร์ 3 วันติดต่อกันนั้น ยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลในแง่จิตวิทยา เพราะมีข่าวไม่ดีทางหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหาตัวเจ้านายไม่เจอ
ส่วนเรื่องบิ๊กล็อต 12 รายการ จำนวน 37.562ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา นั้น บอกตามตรงว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นการทำรายการของผู้บริหารตนเองจะต้องรู้
"ถ้ามีรายการบิ๊กล็อต หรือมีรายการใหญ่...ผมต้องรู้นะเพราะผมมีหน้าที่ต้องตรวจสอบทุกเย็นว่ากรรมการท่านไหนซื้อหรือขายหุ้นหรือเปล่า มีของใครบ้าง เพราะฉะนั้นที่มีการระบุว่าน่าจะเป็นการโยนกันเองของผู้บริหาร น่าจะเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น....บิ๊กล็อตพวกนั้น ผมสอบถามกรรมการทุกท่านแล้ว ผู้บริหารทุกท่านไม่มีใครทำนะครับ....อาจจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายอื่นนะครับ เพราะผู้ถือหุ้น SECC มีตั้งหลายราย"แหล่งข่าว กล่าว
ข้อมูล วันที่ 3 พ.ย.51 พบโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SECC มีมากถึง 36 ราย
แหล่งข่าว กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นอาจจะเห็นว่าหุ้นมันลง ก็อาจจะอยากขายออก หรือตัดขาดทุนก็ได้ ส่วนคุณสมพงษ์หรือผู้บริหารคนอื่นนั้นถ้าแกซื้อหรือขาย ผมต้องเป็นคนทำรายงาน ก.ล.ต.
ส่วนเรื่องพอร์ตการลงทุนของผู้บริหาร แต่ละท่านจะดูแลของท่านเอง อย่างคุณสมพงษ์ แกไม่ค่อยทำบิ๊กล็อต มีแต่ซื้อในกระดานเวลาราคาต่ำลงมา บางทีแสนหุ้น บางทีมากหน่อยก็ล้านหุ้น เท่าที่รู้ตอนนี้คุณสมพงษ์มีอยู่ประมาณ 60 ล้านหุ้น