ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มการเงิน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลหลังจากรัฐบาลทั่วโลกประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์, ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และยุโรปประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 73.41 จุด หรือ 1.8% แตะที่ 4,226.10 จุด
คีธ โบว์แมน นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จากบริษัท Hargreaves Lansdown Stockbrokers กล่าวว่า "ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นขานรับมาตรการของรัฐบาลทั่วโลกที่พยายามจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ โดยตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวสูงขึ้นแม้ขาดปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า"
เฟดประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค มูลค่ารวม 8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแผนการล่าสุดของเฟดครอบคลุมถึงการที่เฟดจะซื้อหนี้และหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนองมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของสินเชื่อเพื่อการจำนอง อีกทั้งอัดฉีดเงินกู้สำหรับนักศึกษา เงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ และบัตรเครดิต
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนขานรับธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 1.08% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีอยู่ที่ 5.58% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีอยู่ที่ 2.52% นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ประกาศลดสัดส่วนเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องกันสำรองไว้กับธนาคารกลาง เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินมากขึ้นในการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจที่ได้รับความเสียหายจากการร่วงลงของยอดส่งออกและจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ หุ้นเอ็กสตราต้าซึ่งเป็นบริษัทส่งออกถ่านหินรายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 12% หุ้นเวแดนต้า รีซอสเซสพุ่งขึ้น 11% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดีดขึ้น 10.2% หุ้นบีจีกรุ๊ปพุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นวู๊ดกรุ๊ปพุ่งขึ้น 2.4%
ส่วนหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 12% และหุ้นพรูเดนเชียลทะยานขึ้น 8.8%