นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าผู้บริโภคจะจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคักในช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ หลังจากมีรายงานว่ายอดค้าปลีกช่วงวันหยุดในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 3% จากปีก่อน
ShopperTrak RCT ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยธุรกิจค้าปลีกมานาน 20 ปี กล่าวว่า ร้านค้าในสหรัฐสามารถทำยอดขายเฉลี่ยเบื้องต้นสำหรับวัน "แบล็ค ฟรายเดย์" หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ได้รวมทั้งสิ้น 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือพุ่งขึ้น 3% จากปีก่อน
โดยปกติแล้ว วัน "แบล็ค ฟรายเดย์" เป็นวันที่ประชนออกมาจับจ่ายเลือกซื้อของขวัญกันมากที่สุดวันหนึ่งของปี อย่างไรก็ดี ในปีนี้ ร้านค้าในสหรัฐไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำกำไรได้มากเท่ากับปีก่อนๆ เพราะต่างก็ลดราคาสินค้ามากกว่าทุกปีเพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้ายอมควักเงินจากกระเป๋าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่บีบให้พวกเขาต้องรัดเข็มขัด
ปีเตอร์ โคฮาน นักวิเคราะห์จากบริษัท Peter Cohan & Associates กล่าวว่า "วอลุ่มการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดนาสแดคอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับปกติ เนื่องจากนักลงทุนจะกลับเข้าลงทุนอย่างคึกคักหลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคับคั่งในช่วงวันแบล็ค ฟรายเดย์ ยิ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจในการซื้อขาย"
"เราคาดว่าหุ้นกลุ่มการเงินจะได้รับแรงซื้อเข้าหนุนมากที่สุด หลังจากรัฐบาลสหรัฐตัดสินใจอัดฉีดเม็ดเงินทุนมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารซิตี้กรุ๊ป อิงค์ เพื่อแลกกับการที่รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นบุริมสิทธิของซิตี้กรุ๊ป นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค มูลค่ารวม 8 แสนล้านดอลลาร์" โคฮานกล่าว
สตีเฟ่น ลี๊บ ประธานบริษัท Leeb Capital Management กล่าวว่า "ผมคาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้เนื่องจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการที่นักลงทุนขานรับบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ตัดสินใจเลือก ทิโมธี ไกธ์เนอร์ เป็นรมว.คลัง เพราะไกธ์เนอร์ได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในตลาดเงินและตลาดทุนของสหรัฐ สังเกตุได้จากเมื่อมีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า โอบามาพิจารณาเลือกไกธ์เนอร์ให้เข้ารับตำแหน่งขุนคลัง ดัชนีดาวโจนส์ก็พุ่งขึ้นทันทีกว่า 6%"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. วันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.
วันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนกทั่วประเทศเดือนพ.ย. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนพ.ย. สำนักข่าวเอพีรายงาน