ตลท.หวังปี 52 บจ.ใหม่เพิ่มมูลค่าตลาดอีก2.5 แสนลบ. แต่วอลุ่มวูบหากการเมืองแย่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 1, 2008 08:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ในปี 52 ว่า ตลาดหลักทรัพย์มีเป้าหมายการเพิ่มบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 46 บริษัท โดยแบ่งเป็นการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 22 แห่ง ตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 24 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ 4 แห่ง โดยตั้งเป้าจะมีบริษัทระดับภูมิภาคอินโดจีน 1 แห่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้คาดว่าในปี 2552 จะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มอีก 2.5 แสนล้านบาท หากมีการเข้าจดทะเบียนของบริษัทใหม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้มีบริษัทที่ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ)ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ที่ได้รับการอนุมัติแล้วในปัจจุบันจำนวน 27 แห่ง โดยยื่นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 12 แห่ง และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 15 แห่ง

"ปีหน้าตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทต่างชาติในแถบอินโดไชน่าขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเรา 1 แห่ง และมีบริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนรวม 4 แห่ง หากปีหน้าได้ตามเป้าหมาย 46 แห่งมาร์เก็ตแคปจะเพิ่มอีก 2.5 แสนล้านบาท และหวังว่าจะเป็นไปได้เพราะเท่าที่ก.ล.ต. อนุมัติไฟลิ่งแล้วมีถึง 27 แห่ง แล้ว และยังมีที่เลื่อนการจดทะเบียนจากปี 51ไปปี 52 อีก 8 แห่งด้วย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่มองว่าช่องทางการระดมเงินผ่านตลาดทุนเป็นโอกาสที่ดีในปีหน้า"นางภัทรียา กล่าว

สำหรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในปี 52 นั้น ตลาดหลักทรัพย์คาดว่าหากไม่มีผลกระทบจากปัจจัยการเมือง จะมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 1.8 หมื่นล้านบาท แต่หากได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปี 51 หลังจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปัจจุบันอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาททั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทต่อวันจากเป้าหมายที่เคยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 2.2 หมื่นล้านบาท

ส่วนการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์คาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 10,910 สัญญาเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีการซื้อขายเฉลี่ย 8,241 สัญญา

อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้าได้วางเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันภายในประเทศเพิ่มอีก 10% จากปัจุบันที่มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศประมาณ 17% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติสูงถึง 30% ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง ทั้งนี้การเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่ยังเน้นการส่งเสริมการลงทุนผ่านกองทุน LTFและ RMF ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์อีก 1 แสนรายโดยแบ่งเป็นการลงทุนตรง 4 หมื่นราย การลงทุนโดยถือหน่วยลงทุนอีก 6 หมื่นราย

นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อรองรับการเป็นบริษัทจดทะเบียนในปี 2554 โดยการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาค โดยการทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์อื่น อาทิ การเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ของสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมทั้งให้ธุรกิจในลาวที่สนใจระดมเงินเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยรวมทั้งการจัดตั้งอาเซียนบอร์ดรวมกับตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียนที่มีความพร้อม โดยมั่นใจว่าจะมีการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่สภาพคล่องสูงระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียนได้ภายในปี2552 ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมสูงสุด เช่นเดียวกับมาเลเซีย สิงคโปร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ