ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าวันนี้ดีดตัวขึ้นแล้วกว่า 2% ตามแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป กลุ่มน้ำมัน พลังงาน ตามแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองในประเทศยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์ เนื่องจากในวันที่ 2 ธ.ค.จะมีการแถลงปิดคดียุบพรรค 3 พรรคการเมือง คงต้องรอฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินเมื่อใด เพราะจะมีผลต่อการเมืองภาพใหญ่
เมื่อเวลา 10.19 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 409.90 จุด เพิ่มขึ้น 8.06 จุด (+2.01%)
น.ส.มยุรี โชวิกานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวน์จากการเก็งว่าการเมืองจะจบในเร็ว ๆ นี้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็มีการแกว่งตัวทั้งบวก-ลบ และดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์เช้านี้ก็ยังติดลบ
ด้านนายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไซรัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น อันเนื่องจากมาจากมีความเป็นไปได้สูงที่อายุรัฐบาลจะจบลง แล้วตามมาด้วยการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งน่าจะปลดล็อกทางการเมืองชั่วขณะ เป็นบวกต่อตลาด หากไม่มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในวันนี้หรือพรุ่งนี้ คาด SET มีโอกาสจะดีดตัวขึ้นไปถึง 420-445 และ 465 จุด
หากพิจารณาจากการทยอยลาออกของกรรมการพรรค พปช.ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจะพบว่ามีการส่งสัญญาณว่าพรรคจะต้องถูกยุบในท้ายที่สุด และเมื่อประกอบกับการแถลงปิดคดีเร็วขึ้นมาเป็นวันที่ 2 ธ.ค. เสมือนว่าการสิ้นอายุขัยของพรรค พปช.กำลังจะมาถึงวันพรุ่งนี้ และเมื่อพรรคถูกยุบก็เท่ากับอายุของรัฐบาลนี้จะจบสิ้นลงไป ผลที่ตามมาคือการย้ายออกของสมาชิก พปช.และอีก 2 พรรคการเมืองที่เหลือไปยังพรรคใหม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เตรียมไว้รองรับ ส.ส.จาก พปช.
แต่ปัญหากับอยู่ที่ความเป็นสมาชิกภาพของพรรคใหม่จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ระหว่างต้องมีอยู่ไม่น้อยว่า 30 วันจนถึงวันเลือกตั้งหากมีการยุบสภา หรือในกรณีลงสมัครแบบปกติต้องเป็นสมาชิกพรรคมาแล้วไม่น้อยกว่า 90 วัน สิ่งที่จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณสมบัติจะอยู่ที่การประกาศวันเลือกตั้งครั้งใหม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด และหากยุบพรรคแล้ว สส.ที่จะย้ายพรรคจะต้องหมดสมาชิกภาพจากพรรคเก่าในรูปแบบใด
การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และกรรมการบริหารพรรค พปช.คนอื่น ๆ ที่จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี แต่นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาเท่ากับการเถูกต่อต้านจากพันธมิตรด้วยการปิดล้อมสภาเหมือนครั้งที่แล้ว และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่เกิดการระดมมวลชนเสื้อแดงหลายหมื่นคนเพื่อต่อต้านกระบวนการดังกล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์อาจดำเนินไปในรูปแบบต่อไปนี้ ในกรณีที่การรวมพลกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญของกลุ่มความจริงวันนี้ไม่บรรลุผล กล่าวคือ ยุบพรรควันที่ 2 หลังจากนั้นวันที่ 3 พธม.ถอนกำลังจากสุวรรณภูมิ และวันที่ 4 พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับชาติบ้านเมือง และทุกอย่างควรจะจบ ทุกสีถอยคนละก้าว และสลายตัวไปในที่สุด
อย่างไรก็ดี เรามีความเห็นว่าเมื่อรัฐบาลตกอยู่ในภาวะสุญญากาศ อำนาจการบริหารจะถูกถ่ายโอนไปยังสมาชิกวุฒิสภาเพื่อรักษาการแทนสภาผู้แทนราษฎรตาม รธน.50 มีความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดตั้งคณะบริหารประเทศชั่วคราวเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งก็เป็นที่คาดหมายกันมากว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่อาจจะเป็นนายพลากร สุวรรณรัฐ หรือ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล
คำถามก็คือหากเป็นไปในรูปแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมากในการรีบาวด์ แต่กว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ เราไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ที่จะส่งผลให้ศาลอาจต้องเลื่อนการพิจารณาออกปจากเดิม และ จะมีรัฐประหารหรือไม่ หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้น
เราเห็นว่าความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดขึ้นหลังจากมีการรัฐประหารเงียบไปแล้ว 2 ครั้งยิ่งพิจารณาจากท่าทีของ ผบ.เหล่าทัพแต่ละท่านแล้ว ประกอบกับเงื่อนเวลา และสถานการณ์ที่เร่งเร้าเข้ามาทุกขณะจะพบว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ทหารจะออกมารัฐประหารในเวลานี้ แม้อาจจะมีการปลด ผบ.ทบ.ตามข่าวลือ แต่การทำรัฐประหารจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก