สำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนายพงศา เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 และสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนายจักริน วงศ์หลี อดีตเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 รวมทั้งสั่งภาคทัณฑ์ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนจำนวน 2 ราย ได้แก่ นายกิตติ ขุนรักษ์ เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 และนางสาวชนัญชิดา พรมแสน เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2551
โดยกรณีนายพงศา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ลงทุนและได้รับเรื่องจากบริษัทหลักทรัพย์เกี่ยวกับการกระทำทุจริตต่อทรัพย์สินของลูกค้าของนายพงศา ซึ่งเป็นการกระทำในช่วงปี 2548 — 2550 โดยจากผลการตรวจสอบพบว่า นายพงศาได้รับจัดการโอนหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าไปยังบัญชีมารดาของตนเอง ตามคำสั่งของลูกค้า และเมื่อลูกค้าขอให้โอนหลักทรัพย์ดังกล่าวคืน นายพงศาได้ปลอมเอกสารแสดงรายการหลักทรัพย์คงเหลือในบัญชีลูกค้า เพื่อให้เข้าใจว่ามีการโอนคืนหลักทรัพย์แล้ว ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงนายพงศาได้ขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว
กรณีนายจักริน สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับการร้องเรียนจากผู้ลงทุนและได้รับรายงานจากบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กรณีที่ลูกค้าร้องเรียนว่า นายจักรินได้สั่งขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าโดยพลการ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ได้ซื้อหลักทรัพย์ที่นายจักรินสั่งขายทั้งหมดคืนแก่ลูกค้าแล้ว และจากการตรวจสอบเพิ่มเติม สำนักงาน ก.ล.ต. พบว่า นายจักรินกระทำการดังกล่าวจริง ซึ่งถือเป็น การปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน
ส่วนกรณีนายกิตติ เป็นการตัดสินใจขายหลักทรัพย์แทนลูกค้าโดยพลการ ทำให้ลูกค้าได้รับผลขาดทุนจากการซื้อขาย ซึ่งนายกิตติได้ยอมรับว่ากระทำการดังกล่าวจริงและชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ลูกค้าแล้ว
และในกรณีนางสาวชนัญชิดา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรายงานการลงโทษจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีตรวจพบว่า นางสาวชนัญชิดาส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าในลักษณะผลักดันราคาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายของหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด (False Market) ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและประกาศตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งที่บริษัทหลักทรัพย์ต้นสังกัดและตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตักเตือนไม่ให้กระทำการดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังมีการส่งคำสั่ง ในลักษณะดังกล่าวอีก