EGCO เผยกำลังผลิตรวมเพิ่มเป็น 3.9 พันMW หลังเข้าซื้อโรงไฟฟ้าถ่านหินQPL

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 3, 2008 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) เปิดเผยว่า การเข้าซื้อบริษัท จีพีไอ เควซอน (GPIQ) ในสัดส่วนร้อยละ 90 ของเอ็กโก อินเตอร์เนชชั่นแนล (บีวีไอ) หรือเอ็กโกบีวีไอ ในเครือเอ็กโก ส่งผลให้เอ็กโกบีวีไอเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเควซอน เพาเวอร์ (ฟิลิปปินส์) หรือ QPL ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าไอพีพีถ่านหินเควซอน ขนาดกำลังการผลิต 460 เมกะวัตต์ในสัดส่วนร้อยละ 23.4

ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวเป็นผลให้กำลังผลิตของเอ็กโก กรุ๊ป เพิ่มขึ้นอีก 107.64 เมกะวัตต์ และนับเป็นการลงทุนเชิงรุกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน

"การซื้อหุ้นของเควซอน เพาเวอร์ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนของเอ็กโก กรุ๊ป นอกเหนือจากการลงทุนในโครงการไอพีพีในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เอ็กโก กรุ๊ป ในปี 2552 โดยความสำเร็จในการลงทุนครั้งนี้ ได้เสริมให้กำลังการผลิตรวมของเอ็กโกกรุ๊ป เติบโตขึ้นเป็น 3,934.14 เมกะวัตต์ อีกทั้งเป็นการสร้างฐานการลงทุนที่แข็งแกร่งในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อความเติบโตในอนาคต"นายวินิจ กล่าว

ด้านสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ระบุว่า การที่ EGCO แจ้งลงทุนสัดส่วน 23.4% ในธุรกิจไฟฟ้าถ่านหิน QPL ในฟิลิปปินส์ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนเพิ่มขึ้น 107.64 MW คิดเป็น 2.8% ของกำลังการผลิตเดิม แม้สัดส่วนกำลังการผลิตใหม่ดูเพิ่มขึ้นไม่มาก

แต่ SCRI ประเมินว่าโรงไฟฟ้าใหม่จะช่วยเพิ่มกำไรให้ EGCO ได้มีนัยสำคัญราว 8%-11% (อิง IRR ขั้นต่ำที่ 10%-15%) เนื่องจากสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าเดิม 2 โรงหลักคือ REGCO และ KEGCO อยู่ในช่วงท้ายของสัญญา โรงไฟฟ้าใหม่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารองรับเช่นเดียวกับ IPP ในประเทศ และคาดรับรู้รายได้เข้ามาได้ในปี 2552 ซึ่งเป็นข้อดีของการซื้อโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการแล้ว การลงทุนใหม่คาดจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมให้ EGCO ได้ 8-12 บาท ขณะที่ ปัจจุบันหุ้นซื้อขายอยู่ที่ PER ต่ำเพียง 4 เท่า และคาดยังคงให้ Dividend Yield ได้ถึง 10% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ