ก.ล.ต.ออกประกาศเกี่ยวกับธุรกิจจัดการกองทุน 3 ฉบับ มีผลธ.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 3, 2008 17:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศเกี่ยวกับธุรกิจจัดการกองทุน จำนวน 3 ฉบับ โดยมีผลใช้บังคับในเดือนธันวาคมนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจและประโยชน์ของผู้ลงทุน

สาระสำคัญของประกาศทั้ง 3 ฉบับ มีดังนี้ ประกาศฉบับที่ 1 เรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมและการเข้าทำสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 12) โดยอนุญาตเพิ่มเติมให้กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) สามารถถือหรือลงทุนในตราสารทุนซึ่งมีผลตอบแทนของตราสารอ้างอิงกับผลตอบแทนของหุ้นหรือกลุ่มหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม (net asset value: NAV) จากเดิมที่อนุญาตเฉพาะหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน

และ ยกเลิกการกำหนดระยะเวลาการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน LTF ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ไม่ว่าผู้ถือหน่วยลงทุนจะถือหน่วยลงทุนครบหรือไม่ครบตามเงื่อนไข 5 ปีปฏิทินก็ตาม โดยเรื่องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการคืนประโยชน์ทางภาษีและจ่ายเบี้ยปรับเมื่อผิดเงื่อนไขยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในการขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามความเหมาะสม ตามเวลาที่ บลจ. จะกำหนดต่อไป โดยประกาศฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551

ประกาศฉบับที่ 2 เรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมและการเข้าทำสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล โดยยกเลิกเหตุในการอนุมัติการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมสิ้นสุดลง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมครั้งแรก (initial public offering: IPO) ได้ไม่ถึง 50 ล้านบาท และ ยกเว้นให้กองทุนเปิดที่มีการเสนอขายครั้งเดียวและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามคำสั่งล่วงหน้าซึ่งระบุเวลาไว้แน่นอน (auto redemption) ไม่ต้องจัดทำหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปใหม่ทุกรอบระยะเวลาบัญชี เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการเสนอขายเพียงครั้งเดียว โดยประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2551

ส่วนประกาศฉบับที่ 3 เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดการกองทุน โดยอนุญาตให้บริษัทจัดการสามารถไม่ขาย ไม่รับซื้อคืน หรือหยุดรับคำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดที่มีการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศได้ ในกรณีที่กองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าวหยุดรับคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุน

และ ยกเลิกแหตุในการเลิกกองทุนรวม กรณีกองทุนรวมมีมูลค่าหรือขนาดต่ำกว่า 50 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทจัดการได้ใช้ดุลยพินิจตามความเหมาะสมเมื่อเทียบกับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าควรจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมที่มีมูลค่าน้อยอยู่ต่อไปหรือไม่ รวมทั้ง กำหนดให้การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกรณีกองทุนรวมมีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาทเป็นอัตราร้อยละของมูลค่าทรัพย์สินหรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2551


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ