นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTS) เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาแผนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ฝ่ายบริหารจะเสนอแผนลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3-4 โครงการที่มีมูลค่ารวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โรงแรม ซึ่งเป็นโครงการที่ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสระยะทาง 100-200 เมตร
ทั้งนี้แหล่งเงินจะมาจากเงินกู้ , เงินที่ระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ และขายหุ้น IPO
โดยบีทีเอสจะจัดตั้งบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบีทีเอสถือ 100% และในอนาคตอาจดึงพันธมิตรร่วมทุน นอกจากนี้ในการประชุมคณกรรมการในวันนั้นจะมีการเสนอจัดตี้งบริษัทร่วมทุนกับบมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ในการจัดทำตั๋วร่วม
นายสุรพงษ์ คาดว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ในเดือน ก.พ. 52 อายุไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยหากตลาดเอื้ออำนวยคาดว่าจะขายเต็มจำนวน ทั้งนี้จะนำเงินไปชำระหนี้ 1 หมื่นล้านบาท และ ที่เหลือจะนำไปขยายธุรกิจ รวมถึงโครงการอสั งหาริมทรัพย์
ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวน 4.8 พันล้านหุ้น เดิมจะขายกลางปี 52 แต่ดูแล้วสภาพหุ้นไม่เอื้ออำนวยก็คาว่าจะเลื่อนขายไปในไตรมาส 3/52
"หากเราขายหุ้นกู้ได้เต็ม 2 หมื่นล้านบาท เราก็อาจจะไม่ต้องนำหุ้นเดิมออกขาย IPO ด้วยก็จะพอ แต่ดูสภาพตลาดไม่ดีก็คงจะเลื่อนไปขายในไตรมาส 3 ปีหน้า ใจจริงเราอยากเข้าให้เร็วที่สุด" นายสรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังจะขายหุ้น IPO ได้ราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี หรือ Book Value (BV) ซึ่งขณะนี้บริษัทมี BV ประมาณ 3-4 บาทต่อหุ้น โดยขณะนี้บริษัทได้แต่งตั้ง บล.ภัทร เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และจะแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มซึ่งคาดจะเป็นโบรกเกอร์ต่างชาติ
สำหรับส่วนต่อขยาย ตากสิน-วงเวียนใหญ่นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากการเจรจาล่าสุดกับอดีตผู้ว่ากทม.ต้องการให้เก็บค่าโดยสารในกรอบปัจจุบันที่ 15-40 บาทต่อเที่ยว แต่คาดว่าจะเลื่อนการเปิดให้บริการออกไปเป็นเดือนส.ค.52 จาเกเดิมคาดไว้ เม.ย.52 เนื่องจากต้องรอเลือกตั้งผู้ว่า กทม.และเจรจากันใหม่อีกครั้ง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน ประมาณ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปี 50 ไม่นับรวมกำไรที่ได้จากการปรับโครงสร้างหนี้
ด้านนายอาณัติ อาภาภิรม กรรมการ BTS กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีรายได้เฉลี่ย 9-10 ล้านบาท/วัน และคาดว่ารายได้ในปีหน้าจะเติบโตราว 4% ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารในปี 52 ซึ่งโต 4% โตต่อเนื่องจากปี 51 ที่โต 4% เช่นกันจากปี 50 ที่มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 4.2 แสนคน/วัน
โดยการปรับลดน้ำมันช่วงนี้ไม่มีผลกระทบต่อยอดผู้โดยสาร และเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจะไม่กระทบกับบริษัท เห็นว่ายังถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญ แต่อาจจะเดินทางน้อยลง
ในวันนี้ บริษัทเปิดตัว บัตรสมาชิกหนูด่วน พลัส ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกในโอกาสที่บีทีเอสให้บริการจะครบ 9 ปีในวันที่ 5 ธ.ค.51 โดยบัตรดังกล่าวจะให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการสะสมคะแนนในการเดินทางด้วยบัตรทุกประเภท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะขยายฐานลูกค้ามากขึ้น และสร้งแบรนด์รอยัลตี้ รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง