ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันเนื่องจากนักลงทุนขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งภาวะถดถอย ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นพร้อมกันในวันพฤหัสบดีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 47.10 จุด แตะที่ 4,169.96 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,042.31-4,190.93 จุด
ปีเตอร์ ดิ๊กซอน นักวิเคราะห์จาก Commerzbank AG กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนคึกคักขึ้นเมื่อมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า ธนาคารกลางยุโรปจะลดดอกเบี้ย 1.50% และคาดว่าธนาคารอังกฤษจะลดดอกเบี้ย 1.00% เพื่อปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยรุนแรง ในการประชุมช่วงเย็นวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษออกมาย่ำแย่
เนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษในเดือนพ.ย.ร่วงลง 6 จุด แตะระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในเดือนพ.ค.2547 เมื่อเทียบกับที่เคยอยู่ในระดับ 83 จุดเมื่อปีที่แล้ว
ฟิออนนูอาลา เออร์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเนชั่นไวด์ กล่าวว่า ผู้บริโภคมีมุมมองทางเศรษฐกิจในแง่ลบ เมื่อดูจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศที่เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน
บริษัทวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์โฮมแทร็ค (Hometrack Ltd.) รายงานว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในอังกฤษและเวลส์ลดลง 8.1% เหลือ 161,400 ปอนด์ (248,000 ดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2549 ในขณะที่มูลค่าบ้านลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย. เทียบกับ 1.3% ในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแกลกโซสมิธไคลน์ พุ่งขึ้น 4.4% และหุ้นแอสตราเซเนกา พุ่งขึ้น 5.4%
ขณะที่หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นคิงฟิสเชอร์พุ่งขึ้น 3.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 9.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของเอบีเอ็น อัมโร โฮลดิ้ง ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2552 ของริโอทินโต