แต่อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบดังกล่าวทำให้บริษัทมีการทบทวนในการเลื่อนโครงการธุรกิจรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะปนเปื้อนในสารปรอทออกไปก่อนจนกว่าจะเห็นสถานการณ์ในปีหน้าอย่างเป็นรูปธรรมและเห็นราคาน้ำมันปรับขึ้นมาได้บ้างถึงแม้จะไม่มาที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว รวมถึงราคาวัตถุดิบที่ไม่น่าจะมีความผันผวน โดยเฉพาะราคาทองแดงที่ปัจจุบันราคาปรับลดลงมามากเหลือ 4,000 เหรียญฯ/ตัน จากช่วงที่พีค 8,000 เหรียญฯ/ตัน
ส่วนโครงการการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันบริษัทยังคงเดินหน้า แต่จะ run เครื่องจักรแค่เครื่องเดียวก่อน จากเดิมที่วางแผนไว้ประมาณ 4-10 เครื่อง อีกทั้งขยะที่จะนำไปแปรรูปก็ไม่มี นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเร่งผลักดันให้นโยบายสนับสนุนเม็ดเงินในการอุดหนุนพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ
"ตอนนี้เราคงจะทำได้เพียงการประคับประคองธุรกิจ เพราะเราไม่รู้ว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจะลากยาวแค่ไหน เดิมเราคาดหวังที่จะมีพระเอกจากน้ำมันมาช่วยเราแต่ตอนนี้มาลง แต่เราก็พร้อมที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อรอจังหวะที่จะกลับมาและเราก็หวังลึกๆ ที่จะเห็นราคาน้ำมันกลับขึ้นมาบ้างแม้จะไม่มากก็ตาม" นายเกรียงไกร กล่าว