บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) คาดปี 51 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.25 พันล้านบาท ถือว่าปีนี้ดีกว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากมีลูกค้ารายใหม่และรายเดิมเข้ามาซื้อโฆษณาเพิ่ม ส่งผลให้รายได้โฆษณาที่สูงขึ้น ซึ่งรายได้ส่วนนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3/51 ทำได้ดีกว่า ไตรมาส 3/50 และ ไตรมาส 2/51
ขณะที่รายได้ปี 51 ก็คาดว่าจะโตได้อย่างที่คาด คือ 2 Digits หลังจากรายได้จากค่าโฆษณาทางทีวีเพิ่มขึ้นมาเป็น 90% ของรายได้รวม จาก 85% ในปี 50
และแนวโน้มไตรมาส 4/51 ก็น่าจะผลประกอบการดีกว่าไตรมาส 3/51 และ ไตรมาส 4/50 หลังพบตัวเลขจองโฆษณาในเดือนธ.ค.ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"เมื่อพิจารณาความต้องการใช้สื่อโฆษณาต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนปรับขึ้นค่าโฆษณา แต่ต้องรอให้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม และการเมืองนิ่งเสียก่อน หากประกาศขึ้นราคาตอนนี้เกรงว่าไม่เหมาะสม" นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน BEC กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ถือว่าปีนี้ดีกว่าที่คาดและปีก่อนมาก เนื่องจากมีรายได้ค่าโฆษณาเข้ามามากตั้งแต่ตอนครึ่งปีแรก แม้ว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวลงบ้างเนื่องจากมีการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิคทางทีวีพูล และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาเป็นปัจจัยกดดัน แต่ก็ทำให้พบว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องวิกฤตแต่บางคนกลับมองวิกฤตให้เป็นโอกาส ใช้ช่วงจังหวะที่คนอื่นไม่ใช้เงินในการโฆษณา หรือผู้บริโภคส่วนใหญ่จะชะลอการใช้จ่ายเก็บเงินไว้ซื้อสินค้าที่อยากได้จริงๆ เจ้าของสินค้ารายใหญ่ๆ ก็ซื้อสื่อเพื่อโฆษณากระตุ้นยอดขายและให้เกิดการจดจำ สังเกตจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีลูกค้าเดิมหลายรายที่ใช้เงินซื้อสื่อโฆษณามากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาซื้อสื่อ เช่น FEDERBRAU
ด้านการจ่ายปันผล นายฉัตรชัย กล่าวว่า คาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลงวดปี 51 น่าจะจ่ายได้ในอัตราที่สูงกว่า ปี 50 ที่จ่ายหุ้นละ 1.05 บาท ตามแนวโน้มผลประกอบการ แต่ก็ยังจ่ายตามนโยบายที่กำหนดไม่ต่ำกว่า 90%ของกำไรสุทธิ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอดูตัวเลขไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ด้วย
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 52 คาดว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์จะเน้นควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย และสร้างจุดขายที่แตกต่างในตลาดเพื่อรักษารายไได้ และเป็นการกระตุ้นตลาดเพื่อไม่ให้ธุรกิจของบริษัทตกเทรน
ขณะที่ตลาดธุรกิจโฆษณาในประเทศไทยยังมีขนาดเล็กไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังมองว่าการดำเนินนโยบายประชานิยมของรัฐบาลก็จะเป็นอานิสงส์กับธุรกิจโฆษณาที่จะกระตุ้นให้คนในภูมิภาคมีการใช้จ่ายมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องใช้งบโฆษณาดังกล่าว
สำหรับราคาหุ้น BEC ที่ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องนั้น นายฉัตรชัย กล่าวว่า คงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด แต่รู้สึกแปลกใจว่า หุ้น BEC ทำไมมีแต่นักลงทุนต่างชาติที่สนใจ และพอต่างประเทศเกิดปัญหาก็เลยเกิดการเทขายออกมา ซึ่งเชื่อว่าต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนใน BEC เหมือนเดิม
"นักลงทุนบางคนรอให้ราคาหุ้นถูกลงอีกก็เลยยังไม่ซื้อ ส่วนที่ซื้อไปส่วนใหญ่ก็เป็นต่างชาติ และพอต่างประเทศเกิดปัญหาก็เลยขาย แต่เดี๋ยวก็กลับมาเอง...บริษัทจะไม่ทำอะไร เพราะมองว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องเข้าไปรับซื้อคืนในราคาที่แพง ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด"นายฉัตรชัย กล่าว