ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 260 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานประจำเดือนพ.ย.ที่ร่วงลงกว่า 500,000 ตำแหน่ง โดยบรรยากาศการซื้อขายในช่วงท้ายพุ่งขึ้นสวนทางกับที่ร่วงลงในช่วงแรกที่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากข้อมูลในตลาดแรงงานที่เลวร้ายได้ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า รัฐบาลจะหามาตรการใหม่ๆมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 259.18 จุด หรือ 3.09% ปิดที่ 8,635.42 จุด หลังจากที่ร่วงลง 258 จุดในตอนแรก ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 30.85 จุด หรือ 3.65% แตะที่ 876.07จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 63.75 จุด หรือ 4.41 % แตะที่ 1,509.31จุด
โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.62 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับจำนวน 1.47 พันล้านหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ตังวเลขจ้างงานสหรัฐเดือนพ.ย.ร่วงลง 533,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 320,000 ตำแหน่ง แต่ถึงกระนั้นข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวก็มิได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนที่ต้องรับรู้ถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้ายมาก่อนแล้วหลายรายการ
นักลงทุนที่ได้เทขายหุ้นทิ้งในวันศุกร์หลังจากที่ทางการรรายงานตัวเลขจ้างงานไปแล้วได้เปลี่ยนใจกลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดอีกครั้งในช่วงบ่าย เนื่องจากเชื่อว่าตัวเลขที่ร่วงลงอย่างหนักนี้อาจทำให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจมากขึ้น
เคร็ก เพกแฮม นักวิเคราะห์จากเจฟเฟอรี่ แอนด์ โค กล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในวันนี้พุ่งขึ้นขัดแย้งกับปัจจัยลบ เพราะนักลงทุนมองว่า ตัวเลขจ้างงานที่เลวร้ายอาจช่วยให้รัฐบาลออกมาตรการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม หรืออาจเป็นมาตรการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ
นอกจากตลาดจะได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงรุกมากขึ้นแล้ว สถานการณ์ความเคลื่อนไหวที่ดีในภาคการเงินก็ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นโดยรวมด้วยเช่นกัน โดยฮาร์ทฟอร์ด ไฟแนนเชียล เซอร์วิส กรุ๊ป อิงค์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรประจำปี ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งต่อตัวเลขงบดุลบัญชี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปิดบวกของดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาจะช่วยทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าตลาดหุ้นจะเริ่มกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง แต่นักวิเคราะห์บางรายยังเกรงว่า ตลาดยังไม่นิ่งพอและยังมีความผันผวนอยู่มาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาทิศทางการซื้อขาย
ทั้งนี้ หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 0.7% ขณะที่หุ้นฟอร์ดกระเตื้องขึ้น 2.3%
ด้านหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินพุ่งขึ้นคึกคักเช่นกัน หลังจากที่บริษัทฮาร์ทฟอร์ดเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรบริษัทส่งผลให้หุ้นของฮาร์ทฟอร์ดถีบตัวสูงขึ้นสองเท่าอยู่ที่ 14.59 ดอลลาร์ ด้านหุ้นเวลล์ ฟาร์โก แอนด์ โคทะยานขึ้น 8.7% ขณะที่หุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล อิงค์ปิดบวก 35%