นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับ บมจ.เอส.อี.ซี.ออโต้ เซลส์แอนด์ เซอร์วิส(SECC) ในกรณีต่าง ๆ ได้แก่ การที่บริษัทย่อยปล่อยกู้ 245 ล้านบาท กรณีผู้บริหารทุจริต และ กรณีใบหุ้นปลอม เป็นต้น หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการกล่าวโทษทันที
"ตอนนี้เรายังอยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐาน...ก็ต้องให้ข้อเท็จจริงปรากฎ แต่ก็ยอมรับว่าต้องใช้เวลา ก่อนที่จะกล่าวโทษ ต้องใช้เวลา ต้องรัดกุม" เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
ทั้งนี้ กรรมการ บมจ. SECC เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการดูแลปกป้องการทุจริตในบริษัท ดังนั้นจึงต้องเร่งตรวจสอบข้อมูลผู้กระทำผิด รวมทั้งบริษัทย่อย (หรือบริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด)ก็อยู่ภายใตกม.ที่ปรับปรุงใหม่ด้วย กรรมการในบริษัทย่อยก็ต้องรับผิดชอบด้วย และหากพบว่าทำผิดก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับบริษัทแม่ ซึ่งกฎหมายเดิมไม่ได้ให้อำนาจจัดการไปถึงบริษัทย่อย
"ต่อไปนี้ เราไปเอาผิดกับบริษัทย่อยได้ ...เราจะดูข้อมูลทุจริตทุกเรื่อง"นายธีระชัย กล่าว
ด้านนายวสันต์ เทียนหอม ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณี SECC ถ้าทำผิดจะได้รับโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยทางแพ่งจะถูกเปรียบเทียบปรับไม่เกินกึ่งหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้น และทางอาญาจะถูกจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้น ไป และปรับไม่น้อยกว่า 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ผู้เกี่ยวข้องได้ประโยชน์
หากเป็นเช่นนั้น SECC จะเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกที่ได้รับโทษตามหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่