ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ขานรับข่าวที่ว่า บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศใช้แผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ตามปกติ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 298.76 จุด หรือ 3.46% แตะที่ 8,934.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 33.63 จุด หรือ 3.84% แตะที่ 909.70 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 62.43 จุด หรือ 4.14% แตะที่ 1,571.74 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.74 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 6 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.33 พันล้านหุ้น
เจมส์ ค็อกซ์ นักวิเคราะห์จาก Harris Financial Group กล่าวว่า นักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก หลังจากมีข่าวว่าโอบามาวางแผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 เพื่อสร้างงานอย่างน้อย 2.5 ล้านตำแหน่งภายในปีพ.ศ. 2553 โดยโอบามาระบุว่าเขาให้ความสำคัญในลำดับต้นๆกับการรับมือกับตัวเลขว่างงาน, ภาวะตลาดสินเชื่อชะงักงัน, ราคาบ้านตกต่ำ และทุกสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะนำมาใช้นั้น มีศักยภาพสูงพอที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้
เศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณให้เห็นถึงภาวะชะลอตัวมานับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 4 พ.ย. โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ทำสถิติดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 533,000 ตำแหน่ง และร่วงลงแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 320,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะที่ 6.7% จากระดับ 6.5% เมื่อเดือนต.ค.
การเปิดเผยแผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของโอบามาช่วยหนุนราคาหุ้นทะยานขึ้นเกือบทั่วทั้งกระดาน นับตั้งแต่หุ้นกลุ่มผลิตเครื่องจักรไปจนถึงหุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัสดุวัตถุดิบ โดยหุ้นอัลโคซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก พุ่งขึ้น 18% ขณะที่หุ้นคาเตอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างรายใหญ่ของโลก ดีดขึ้น 11%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าปัญหาด้านการเงินของค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีจะคลี่คลายลง หลังจากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสได้อนุมัติเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม), ฟอร์ด มอเตอร์ โค และ ไครสเลอร์ แอลแอลซี แม้เงินจำนวนดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ค่ายรถทั้งสามเรียกร้องมาทั้งสิ้น 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม โดยจีเอ็มต้องการรเงินช่วยเหลือ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ฟอร์ดต้องการเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ ส่วนไครสเลอร์เรียกร้องเงินช่วยเหลือจำนวน 7 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นจีเอ็มปิดบวก 21% หุ้นฟอร์ดพุ่งขึ้น 24.2% ส่วนหุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นดาว เคมิคอล ดีดขึ้น 7.2% หลังจากบริษัทวางแผนลดการจ้างงาน 5,000 ตำแหน่ง ขณะที่หุ้น 3M ร่วงลง 4.1%
นอกจากนี้มีรายงานว่า บริษัท ทริบูน โค บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เจ้าของหนังสือพิมพ์ ชิคาโก ทริบูน และ ลอสแองเจลิส ไทม์ส ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างหนัก