นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีฟโก้(SEAFCO)ยอมรับว่า กำไรสุทธิปี 51 อาจจะออกมาไม่สวยงามเท่ากับปี 50 ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 22 ล้านบาท เนื่องจาก 3 ไตรมาสแรกของปีมีผลขาดทุนอยู่ถึง 10 ล้านบาท แต่ยังหวังฟื้นในช่วงไตรมาส 4/51 ที่เข้าไฮซีซั่น แผนงานปี 52 เน้นรัดเข็มขัด ลุยรับทุกงานในประเทศทั้งรัฐ-เอกชน หลังพับฐานชั่วคราวเก็บเครื่องมือกลับจากสิงคโปร์จากผลวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
"ปีนี้ถึงกำไรก็คงกำไรไม่มาก เพราะตัวเลขไตรมาส 3 มันฟ้อง ราคาหุ้นมันถึงลงมา แต่ว่าดูไตรมาส 4 น่าจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ขึ้นมาได้บ้าง"นายณรงค์ กล่าว
งบการเงินรวม SEAFCO งวด 9 เดือนปี 51 SEAFCO มีผลขาดทุน 7.23 ล้านบาท เทียบกับงวด 9 เดือนปี 50 ที่มีผลกำไรสุทธิ 7.03 ล้านบาท ขณะที่งบเฉพาะกิจการงวด 9 เดือน ปี 51 SEAFCO มีผลขาดทุน 10.85 ล้านบาท เทียบกับงวด 9 เดือน ปี 50 ที่มีผลกำไรสุทธิ 6.48 ล้านบาท
นายณรงค์ กล่าวว่า ในด้านรายได้ปีนี้ได้มีการปรับลดเป้าหมายลงมาจาก 2 พันล้านบาท เหลือ 1.6 พันล้านบาท ไม่ใช่เป็นเพราะปริมาณงานลดลง แต่เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธทางธุรกิจที่ให้ลูกค้าเป็นผู้ซื้อวัสดุเองเพื่อลดความเสี่ยงราคาผันผวน
"ผมตั้งไว้ 2 พันล้านบาท เป็นเป้าสำหรับรวมงานที่รวมซื้อของด้วย แต่พอมีปัญหาเรื่องราคาวัสดุผันผวนเราก็ให้เจ้าของโครงการไปซื้อวัสดุเอง เพราะฉะนั้นงานที่เราได้มาอาจจะทำให้ Revenue ลดลง แต่งานไม่ได้ลดลง ก็เลยเป็นไปได้ว่า แทนที่ Revenue แทนที่จะได้ 2 พัน อาจจะเหลือซัก 1.6 พันล้านบาท แต่ปริมาณงานไม่ได้ลดลงกว่าที่เราตั้งเป้าไว้"นายณรงค์ กล่าว
*เตรียมรัดเข็มขัดสู้วิฤตปี 52 เดินหน้าลุยรับงานใหม่ทุกประเภท
นายณรงค์ กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้าว่า บริษัทฯ จะเน้นการประหยัด ลดค่าใช้จ่าย รัดเข็มขัด เพราะเชื่อว่างานในตลาดต้องลดน้อยถอยลง เพราะฉะนั้นเราต้องลดค่าใช้จ่ายให้เป็นสัดส่วนลงมาให้ได้ แต่ไม่หยุดการเข้าประมูลงาน โดยจะเน้นงานภาคเอกชนและภาครัฐที่ 60:40 เช่นเดียวกับปีนี้
"เรายังประมูลงานอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่งานที่ประมูลไปแล้วมันจะสัมฤทธิ์ผลหรือเกิดประสิทธิภาพ เนื่องจากเจ้าของโครงการยังตัดสินใจเดินหน้าอยู่มีมากน้อยยังไง ต้องติดตามกันไปแบบ Day to Day"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า ปี 52 บริษัทจะเน้นงานทุกประเภท ทั้งงานเสาเข็ม งานโยธา
"ปีหน้าเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ มีงานอะไรมาเรารับหมดครับ...ไม่อยากจะโฟกัสตั้งแต่ตอนนี้ ต้องดูสภาวะทั่วๆ ไป ตอนนี้มันยังประเมินอะไรไม่ออก ต้องดูรัฐบาลใหม่ และจะมีคนออกมาเดินกันอีกหรือเปล่า ความขัดแย้งลดลงมั้ย"นายณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนการเซ็นสัญญาก่อสร้างถนนพระยาสุเรนทร์กับกรุงเทพมหานคร มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ในปลายปีนี้ยังมีอยู่ แม้ว่ากรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็ตาม แต่ก็คงมีผู้บริหารคนอื่นที่รักษาการทำหน้าที่แทน
"อันนี้เซ็นปลายปีนี้แน่นอน แม้จะไม่มีผู้ว่าฯ กทม.ก็ตาม เขาคงมีคนรักษาการ เรื่องนี้เราไม่เร่งรัดอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของระเบียบราชการ คิดว่ากว่าจะลงมือก็คงต้นปี 52"นายณรงค์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีงานทางลอดศรีนครินทร์มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาในนามบริษัทร่วมทุนไปแล้ว แต่เราเคยคืนงานไป แต่พอราคาวัสดุก่อสร้างลดลงก็เลยไปขอกลับมาทำใหม่ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการราวต้นปี 52 เช่นกัน โดยคาดว่าทั้ง 2 งานจะไปรับรู้รายได้ในปีหน้า
ส่วนความคืบหน้างานในต่างประเทศที่ประเทศสิงคโปร์นั้น ทราบว่าทางนั้นก็ชะลอๆ ออกไปเหมือนกันตามวิกฤตเศรษฐกิจที่ถดถอย แต่พันธมิตรก็ยังพยายามหางานใหม่เข้ามาอยู่
"เราเองก็ไม่ได้บุกต่างประเทศ ตอนนี้พยายามแก้ปัญหาภายในก่อน เครื่องมือเครื่องไม้ที่สิงคโปร์ก็เอากลับมาแล้ว ถ้ามีงานก็ค่อยขนย้ายไปใหม่ แต่ทางพาร์ทเนอร์ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังหางานอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่ได้เน้น คงเน้นในประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพราะต่างประเทศเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์หนักกว่าเราด้วยซ้ำไป"นายณรงค์ กล่าว