ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกแผนอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 196.33 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 12, 2008 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดร่วงลงเกือบ 200 จุดเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ามาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐ แม้สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติในหลักการเบื้องต้นแล้วก็ตาม นอกจากนี้ การที่ซีอีโอเจพีมอร์แกนได้แสดงความคิดเห็นในด้านลบเกี่ยวกับภาคธนาคาร ส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงิน

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 196.33 จุด หรือ 2.24% แตะที่ 8,565.09 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 25.65 จุด หรือ 2.85% แตะที่ 873.59 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 57.60 จุด หรือ 3.68% แตะที่ 1,507.88 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.47 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2.05 พันล้านหุ้น ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3 ต่อ 1

โรเบิร์ต โฟรห์ลิช หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท ดีดับเบิ้ลยูเอส อิสเวสท์เมนท์ กล่าวว่านักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูมาตรการช่วยเหลือค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งได้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม),ไครสเลอร์ และฟอร์ด มอเตอร์ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติมาตรการช่วยเหลือค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐเป็นวงเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170 อย่างไรก็ตาม คาดว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันจะคัดค้านมาตรการฉบับดังกล่าวในการประชุมวุฒิสภา เพราะสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องการปล่อยให้บริษัทรถยนต์ล้มละลายหรือกลับไปขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน แทนที่จะยื่นมือขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล

มาตรการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินครั้งนี้จะช่วยให้จีเอ็ม, ไครสเลอร์ และ ฟอร์ด มอเตอร์ สามารถหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลายและประคองกิจการต่อไปได้จนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า หลังจากค่ายรถยนต์ทั้ง 3 ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งฉุดรั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ทรุดตัวลงไปด้วย

นอกเหนือจากความกังวลที่ว่ามาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์จะไม่ผ่านมติวุฒิสภาแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานพุ่งขึ้นรุนแรงสุดในรอบ 26 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่ถึงสัปดาห์หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ทำสถิติดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 533,000 ตำแหน่ง และร่วงลงแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 320,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะที่ 6.7% จากระดับ 6.5% เมื่อเดือนต.ค.

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนต.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด 1.1% สู่ระดับ 5.72 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 10% เนื่องจากกลุ่มโอเปคส่งสัญญาณลดเพดานการผลิตน้ำมัน โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเฮสส์ คอร์ป ดีดขึ้น 6.8%

ส่วนหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง โดยหุ้นจีเอ็มดิ่งลง 10.4% หุ้นฟอร์ด ร่วงลง 10.8% ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากซีอีโอของเจพีมอร์แกนแสดงความเห็นในด้านลบต่อภาคธนาคาร โดยหุ้นยูเอส แบงคอร์ป ดิ่งลง 10.2% หุ้นเจพีมอร์แกนร่วงลง 10.7% และหุ้นเวลล์ ฟาร์โก ร่วงลง 11.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ