ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)สั่งให้บมจ.เอส.อี.ซี.ออโต้ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส(SECC) ชี้แจงการครบกำหนดรับชำระคืนเงินกู้ 240 ล้านบาท และ ความคืบหน้าการจัดให้มีการตรวจสอบพิเศษ (Special Audit) ตามคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน ภายในวันที่ 17 ธ.ค. 51
ก่อนหน้านี้ SECC ชี้แจงว่าเงินกู้ดังกล่าวเป็นการดำเนินการของบริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยให้กู้แก่ บุคคล 4 ราย ยอดเงินรวม 240 ลบ. ครบกำหนดชำระคืนในวันที่ 9 ธ.ค.51 จำนวน 195 ล้านบาทและวันที่ 17 ธ.ค.51 จำนวน 45 ล้านบาท โดยมีหลักประกันเป็นที่ดิน
ตลท.จึงให้บริษัทชี้แจงกรณีที่บริษัทยังมิได้รับชำระคืนหนี้ ขอให้บริษัทระบุชื่อผู้รับผิดชอบ และแนวทางในการติดตามทวงถามเงินให้กู้ยืมดังกล่าว
ทั้งนี้ เงินให้กู้ยืมแก่นายณัฐวุฒิ อัมพรพิสิฎฐ์ 155 ล้านบาท , นายธนพงษ์ พงษ์พัฒนา 20 ล้านบาท และ บริษัท เทคอิท บิวเดอร์20 ล้านบาท มียอดเงินรวม 195 ล้านบาท ครบกำหนดชำระแล้ว ในวันที่ 9 ธ.ค. 51 ส่วนอีก 45 ล้านบาท เป็นเงินให้กู้ยืมแก่นายสุภาพ ลิตวิจิตร จะครบกำหนด 17 ธ.ค.51
ตลท.ยังให้ SECC ชี้แจงความคืบหน้าในการติดต่อผู้สอบบัญชี ว่ามีชื่อผู้สอบบัญชี ผลการติดต่อกับผู้สอบบัญชีแต่ละราย ผู้ที่รับผิดชอบในการติดต่อผู้สอบบัญชี กำหนดเวลาที่คาดว่าจะแต่งตั้งผู้สอบบัญชีได้ และกำหนดเวลาที่คาดว่าจะตรวจสอบพิเศษแล้วเสร็จ
รวมทั้ง ชื่อผู้รับผิดชอบและแนวทางในการติดตามทวงถามรถยนต์จำนวน 5 คัน ที่เจ้าหนี้ส่วนตัวของนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ยึดไปจากโชว์รูมของบริษัท และผลการตรวจสอบของบริษัทเกี่ยวกับสาเหตุที่รถยนต์จำนวน 476 คันหายไปจากคลังสินค้าของบริษัทชื่อผู้รับผิดชอบและความคืบหน้าติดตามรถยนต์ดังกล่าวคืน
นอกจากนี้ จากการที่ นายไชยวุฒิ จิตธิวงษ์ และนายสมบูรณ์ อาหุนัย กรรมการตรวจสอบ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก คณะกรรมการ SECC ให้เป็นคณะทำงาน เพื่อดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดทรัพย์สินของบริษัทในเบื้องต้นได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ และการลาออกของกรรมการตรวจสอบทั้ง 2 ท่านส่งผลกระทบต่อการทำงานของคณะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการหรือไม่ อย่างไร และความคืบหน้าในการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมของคณะทำงานภายหลังจากที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่ามีรถยนต์ของบริษัทสูญหายจำนวน 476 คัน
อีกทั้ง การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันทั้งในส่วนของการขายและการให้บริการหลังการขายของบริษัท ต่อลูกค้าได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด