บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) คาดว่าในปี 51 ผลประกอบการของบริษัทคงยังไม่สามารถพลิกเป็นกำไรได้ตามที่หวังไว้ แต่น่าจะมีกำไรได้ในปีหน้าแทน แต่บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีหน้าใกล้เคียงกับปีนี้ที่ทำยอดขายได้กว่า 2 พันล้านบาท โดยมีแผนจะเพิ่มพนักงานฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายอีกราวพันคน ขณะเดียวกันก็จะยุบสาขาที่ไม่ทำกำไรลงราว 15-20% จากจำนวนสาขาทั้งหมดที่มีอยู่ 200 สาขา
นายบุญยง ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด SINGER ยอมรับปี 51 บริษัทยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องจากปี 50 ที่มีผลขาดทุน 500.2 ล้านบาท ผิดจากแผนเดิมที่คาดว่าปีนี้จะกลับมามีกำไร เนื่องจากมีการปรับการบันทึกบัญขีใหม่ ทำให้งบการเงินในไตรมาส 3/51 มีผลขาดทุนสูงถึง 38.5 ล้านบาท แต่ก็หวังว่าในไตรมาส 4/51 จะกลับมาดีขึ้น โดยในงวด 9 เดือนบริษัทมีผลขาดทุน 15.2 ล้านบาท
และคาดว่าในปี 52 บริษัทจะมีกำไร จากประมาณการยอดขายกว่า 2 พันล้านบาท ใกล้เคียงปี 51 เนื่องจากปีหน้าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ไม่เอื้ออำนวยต่อการเร่งสร้างยอดขาย แต่บริษัทจะลดค่าใข้จ่าย และลดการทำการตลาด โดยจะเน้นทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ อาทิ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า คอมพิวเตอร์ ที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าสินค้าประเภทอื่น เช่น เครื่องเล่นดีวีดี พีดลม
"ปี 52 เป็นปีที่ยากลำบาก ดังนั้นการประคองตัวให้ได้ยอดขายเท่ากับปี 51 ถือว่าเก่งแล้ว ปีหน้าก็จะทำยอดขายให้เท่ากับปีนี้ และลดค่าใช้จ่าย เพื่อหวังจะเห็นกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี " นายบุญยง กล่าว
นอกจากนั้น ในปีหน้าบริษัทจะเพิ่มพนักงานขายอีก 1,000 คน จากปัจจุบันมีอยู่ 5,000 คน โดยจะหันมาเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าโดยตรง และเน้นกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวีดที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท รวมทั้งจะลดค่าใช้จ่าย โดยจะยุบรวมสาขาที่ไม่ทำกำไรประมาณ 15-20% จากปัจจุบันมีอยู่ 200 สาขา
นายบุญยง กล่าวว่า ในปีหน้าจะระมัดระวังการรปล่อยสินเชื่อซื้อสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย โดยปัจจุบันได้ลดยอดหนี้เอ็นพีแอล เหลือระดับ 23% จากก่อนหน้าที่มีหนี้เอ็นพีแอลถึง 33% โดยลดช่วงระยะเวลาผ่อนชำระสินค้าจากเดิมให้ผ่อนให้นานถึง 36 เดือน จะลดลงไม่เกิน 24 เดือน รวมทั้งจะเร่งติดตามการชำระหนี้ของลูกค้าต่อให้ผ่อนตรงเวลา โดยตั้งเป้าไว้ สัดส่วน 80% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 70% ของหนี้ทั้งหมด
รวมถึงสินเชื่อจักรยานยนต์ซึ่งเดิมบริษัทมีหนี้สูญถึง 2 พันล้านบาท โดยขณะนี้ได้หยุดปล่อยสินเชื่อดังกล่าวไปแล้ว เร่งเรียกเก็บหนี้ และเหลือหนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท และจะพยายามเรียกเก็บหนี้ต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทได้เสริมรายได้ด้านประกัน โดยร่วมกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต ในการเป็นศูนย์จำหน่ายกรมธรรม์ ผ่านตัวแทนและสาขาของ ซิงเกอร์ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเข้ามา
สำหรับสถานการณ์การเมืองบริษัทไม่ได้กังวล แต่เป็นห่วงลูกค้าพื่นที่ภาคใต้ที่ประสบน้ำท่วม และบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าในภาคใต้ 15% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ซึ่งกังวลว่าจะกระทบรายได้ของบริษัท แต่ไม่มากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ 60% ยังอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคอีสาน