นายอัศนี ชันทอง กรรรมการผู้จัดการ บมจ.กระเบื้องหลังคาตราเพชร(DRT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายได้ในปี 52 คาดว่าจะไม่เติบโต หรือใกล้เคียงกับปี 51 เนื่องจากความต้องการลดลงจากผลกระทบเศรษฐกิจชะลอต้ว บริษัทจึงรุกการขายมากขึ้นโดยตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเป็น 800 รายจากปัจจุบันมี 600 รายและเพิ่มสัดส่วนส่งออกเป็น 12% จาก 10% เจาะตลาดใหม่ รวมทั้งจะเพิ่มสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด
ส่วนในปี 51 บริษัทได้ลดเป้ารายได้มาเหลือโตประมาณ 5-8% จากเป้าหมายเดิมที่ 10% หรือมีรายได้ที่ 2.8 พันล้านบาท แม้ในไตรมาส 4/51 ยอดขายจะปรับดีขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูกาลของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงคาดว่ารายได้จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/51 โดย 9 เดือนแรกในปีนี้บริษัทมีรายได้ 1,985 ล้านบาท
"จากผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัวและอาจจะลากยาวไปในปี 52 นั้นอาจจะทำให้ภาพรวมของธุรกิจเติบโตได้ไม่มากเช่นกันเพราะจากการประเมินในตอนนี้สินค้าทางการเกษตรไม่ดี การท่องเที่ยวลดลงซึ่งอาจจะส่งผลให้กำลังซื้อปรับลดลงไปด้วย ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อการเติบโตรายได้บริษัทเช่นกันในปี 52 ที่คาดว่าการเติบโตคงไม่โตหรืออาจจะเท่ากับปี 51"นายอัศนี กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นว่าแนวทางที่จะแก้ปัญหา เพื่อทำให้รายได้ในปีหน้ายังเติบโตได้ แม้จะไม่มากก็ตาม ได้แก่ การเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายให้มากขึ้นเป็น 800 รายจากปัจจุบันที่มีจำนวน 600 รายเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น
และการเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศมากขึ้นในปีหน้าเป็น 12% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 10% ซึ่งตอนนี้บริษัทได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจตลาดใหม่เพิ่มขึ้นอย่าง ตะวันออกกลาง ออสเตรีย จากปัจจุบันที่มีตลาดในเวียดนาม ลาว พม่า ไต้หวัน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักที่เนื่องจาก สินค้าของบริษัทเป็นสินค้ามีน้ำหนักมาก ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปในประเทศที่มีระยะทางไกลๆได้
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเริ่มมีศูนย์กระจายสินค้าที่ขอนแก่น ก็จะทำให้สะดวกในการขนส่งและลดต้นทุนด้วยหากในอนาคตเกิดวิกฤติราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอีกเพื่อรองรับสินค้าจากส่วนกลางไปตามภูมิภาคต่าง ๆ แทนที่จะเก็บไว้แห่งเดียว
"เราคงต้องทำงานหนักขึ้นอย่างแน่นอนในปีหน้าเพราะเราเห็นภาพที่ออกมาตอนนี้แล้วว่าเศรษฐกิจในปี 52 จะเป็นยังไง การปรับตัวและการวางแผนรองรับจะเป็นสิ่งที่ช่วยได้ดีที่สุด และยังดีที่สินค้าของเราเป็นสินค้าที่จำเป็น มีทั้งแพงถึงถูกก็สามารถเข้าได้ทุกกลุ่มลูกค้า และลึกๆ แม้คนจะมีรายได้ลดลงแต่ความต้องการก็น่าจะเห็นได้บ้างเพราะค่าใช้จ่ายก็คงลดลงตามไปด้วย" นายอัศนี กล่าว
นอกจากนี้ ในปีหน้าคาดหวังรายได้เพิ่มขึ้นจากสินค้า ผนังสำเร็จรูป หรือ ผนังแซนด์วิชบอร์ด (Diamond Sandwich Board) เป็นการแตกไลน์ธุรกิจด้านผนังสำเร็จรูปใหม่ๆ อีกทั้งสินค้าดังกล่าวยังเป็นป็นนวัตกรรมใหม่ของการก่อสร้างที่เข้ามาช่วยลดต้นทุนด้านแรงงาน และใช้เวลาในการก่อสร้างน้อยลง เหมาะกับการก่อสร้างอาคารสูงและคอนโดมิเนียมเป็นอย่างมากและยังเป็นที่ต้องการของผู้อยู่อาศัยในตอนนี้ด้วย และสินค้าดังกล่าวยังได้รับการตอบรับจากไต้หวัน รวมทั้งการเข้าไปเสนอขายโดยตรงกับงานโครงการต่างๆ มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะประเมินถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเพื่อปรับตัว และจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนารูปแบบสินค้าใหม่ๆเพื่อตอบสนองกับลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีได้รับผลกระทบจากธุรกิจอสังริมทรัพย์ชะลอตัว ,ปัญหาการเมือง ภัยธรรมชาติที่ปีนี้ฝนตกมากและระยะเวลานาน ฉะนั้นการประคับประคองตัวภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว