BTSเข้าซื้อที่ดิน 5 แปลงวงเงิน 4-5 พันลบ.ประเดิมโครงการโรงแรม 3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 12, 2008 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTS) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อที่ดิน 5 แปลง วงเงินลงทุนประมาณ 4-5 พันล้านบาท เก็บเป็นแลนด์แบงก์รอจังหวะเศรษฐกิจฟื้นเพื่อขึ้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่ขอเดินหน้าชิมลางโครงการโรงแรมติดกับสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ แหล่งเงินซื้อที่ดินทั้งหมดมาจากกระแสเงินสดของบริษัทที่ปัจจุบันมีอยู่ 7 พันล้านบาท แต่หากคิดวงเงินทั้งหมดคาดจะใช้เงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท

"บอร์ดอนุมัติให้ซื้อที่ทั้ง 5 แปลงมาก่อน เก็บเป็นแลนด์แบงก์ เพราะยังไงที่ดินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ยังไม่อนุมัติให้ลงทุน ส่วนจะเริ่มทำโครงการไหนให้เสนอต่อบอร์ดเป็นโครงการ ๆ ไป ยกเว้นที่ติดกับสถานีสุรศักดิ์ก็ให้ทำต่อ..คิดว่า ใน 1-2 เดือนนี้จะซื้อขายเสร็จ"นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ BTS กล่าว

ทั้งนี้ ที่ดินที่บอร์ดอนุมัติทั้ง 5 แปลง เป็นที่ดินติดกับสถานีรถไฟฟ้า ได้แก่ 1) ที่ดินใกล้กับตึกไทยซีซี ติดกับสถานีสุรศักดิ์ มีพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง ซึ้อจากเอกชนรายหนึ่งที่ได้ดำเนินโครงการโรงแรม ซึ่งขณะนี้ดำเนินการอยู่ ชื่อ โรงแรม โฟร์พ้อยท์ บาย เชอราตัน เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว สูง 32 ชั่น จำนวน 437 ห้อง ลูกค้าหลักเป็นนักธุรกิจ โดยโครงการนี้บอร์ดอนุมัติให้ทำต่อ เพราะเห็นว่าก่อสร้างไปแล้ว ดังนั้น BTS คาดจะใช้เงินลงทุนเพิ่มในโครงการนี้อีก 3 พันล้านบาท เป็นเงินกู้ จะสร้างเสร็จใน 3 ปี หรือในปี 54 เชื่อว่าช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวก็จะฟื้นตัวกลับมา

2) ที่ดินติดกับตึกพญาไทพลาซ่าติดกับสถานีรถไฟฟ้าพญาไท พื้นที่ 2 ไร่เศษ ซื้อต่อจากธนาคารกรุงเทพ(BBL) โดยที่ดินแปลงนี้ บมจ.ธนายง (TYONG) เคยเป็นเจ้างของ โดยอาจจะทำโครงการโรงแรม 3) ที่ดินติดกับอาคารแปซิฟิคเพลส ติดกับสถานีนานา โดยมีพื้นที่ ประมาณ 3 ไร่ ซื้อจากธนาคารกรุงเทพ คาดว่าจะทำโครงการอาคารสำนักงาน

4) ที่ดินย่านจตุจักรอยู่ระหว่างสำนักงานใหญ่ธนาคารทหารไทย(TMB) และ BTS จำนวน 15 ไร่ ซื้อจากธนาคารทหารไทย คาดว่าจะสร้างเป็นอาคารสำนักงาน หรือ คอนโดมิเนียม ใช้เงินลงงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่เบื้องต้นขณะนี้ปรับหน้าดิน ทำเป็นลานจอดรถชั่วคราว รองรับ 400 คันไปก่อน

5) โครงการคอนโดมิเนียมหลังห้างโลตัส ลาดพร้าว หรือเยื้องห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว บนถนนพหลโยธิน ซื้อจากผู้ที่ประมูลได้จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) โครงการนี้เดิมเป็นของ บมจ.แนเชอรัลพาร์ค(N-PARK) ซึ่งเป็นเส้นทางที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวขยายต่อจากหมดชิด-สะพานใหม่ คาดว่าจะทำโครงการคอนโดมิเนียมต่อ คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทประเมินเบื้องต้นหากพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากที่ดิน 5 แปลง จะต้องใช้เงินลงทุนไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท แหล่งเงินมาจากเงินกู้ และเงินขายหุ้น IPO ซึ่งบริษัทจะดำเนินการตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม คาดว่าหากสามารถดำเนินการทั้ง 5 โครงการจะเพิ่มรายได้เข้ามาในสัดส่วน 10-20% ของรายได้บริษัท โดยปี 51 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 3 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การซื้อที่ดินทั้ง 5 แปลงดำเนินการโดย BTS ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องจัดตั้งบริษัทย่อย แต่หากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เกิดขึ้นก็จะจัดตั้งบริษัทย่อยออกมา

นอกจากนี้ บริษัทอาจจะมีโอกาสร่วมมือกับ TYONG เนื่องจาก TYONG มีความชำญในการดำเนินโครงการอาคารสำนักงาน และ คอนโดมิเนียม อนึ่ง นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTS เคยเป็นผู่ถือหุ้นรายใหญ่ใน TYONG แต่ปัจจุบันถือหุ้นราว 1% และเป็นประธานกรรมการบริหาร TYONG

"ธุรกิจหลักของเราคือ รถไฟฟ้า บอร์ดต้องการให้เราทุ่มทรัพยากรให้กับรถไฟฟ้า ถ้าอย่างอื่น จ้างบริษัทอื่นมาทำก็ได้ ที่เราทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ ก็เพราะเห็นว่าดีกว่าเอาเงินไปฝากแบงก์ และก็เห็นโอกาสสร้างรายได้เพิ่มในแนวเส้นรถไฟฟ้าที่เราทำอยู่ ซึ่งประเทศอื่นเขาก็ทำกัน" นายสุรพงษ์ กล่าว

ที่ผ่านมาก็เคยติดต่อและมองหาที่ดินย่านทองหล่อ , เอกมัย แต่ราคาสูงเกินไป และทำเลไม่ได้ติดหรือใกล้กับสถานีรภไฟฟ้าจึงยกเลิกไป

*BTS-BMCL ตั้งบ.ร่วมทุนทำตั๋วร่วม คาดเปิดให้บริการปี 53

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL)เพื่อทำตั๋วร่วมใช้ได้ทั้ง 2 ระบบ เป็นบัตรใบเดียว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ต้นปี 53 เบื้องต้น BTS จะตั้งบริษัทใหม่ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 100 ล้านบาท และรอมติคณะกรรมการ BMCLในการเข้าร่วมทุนและสัดส่วนการเข้าถือหุ้นบริษัทร่วมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม คาดว่า BTS จะถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า เพราะมีจำนวนผู้โดยสารมากกว่า โดยขณะนี้มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 4.2 แสนเที่ยวคน/วัน ขณะที่ BMCL มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยราว 2 แสนเที่ยว/วัน ซึ่ง BTS จะใช้เงินลงทุนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เพื่อนำไปเปลี่ยนเครื่องผ่านตั๋วโดยสารใหม่ และ ระบบเคลียริ่งเฮ้าส์ ซึ่งระหว่างนี้รอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย

"คิดว่า BTS จะลงทุนมากกว่า เพราะเรามีจำนวนผู้โดยสารมากกว่า และในอนาคตถ่ามีคนใช้ตั๋วร่วมมากขึ้น ก็ต้องคุยกับ BMCL แต่เรื่องค่าโดยสารคิดว่าราคาปัจจุบันนี้เป็นราคาที่เขารับได้" นายสุรพงษ์ กล่าว

BTS ได้ดำเนินการเดินรถไฟฟ้าครบ 9 ปี เมื่อ 5 ธ.ค.51 โดยในปีนี้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 2.6%จากปีก่อน โดยวันที่ 3 ต.ค.มียอดผู้โดยสารสูงสุดที่ 4.97 แสนคน/เที่ยว และเมื่อ 29 ต.ค.51 บริษัทเพิ่งออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ