ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติแผนให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าผลประกอบการของบริษัททุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์จะทรุดตัวลงด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 108.34 จุด ปิดที่ 4,280.35 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนผันผวนและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่อนุมัติแผนการให้ความช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการโหวตลงคะแนน 52-35 เสียง แม้ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านแผนการดังกล่าวด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170 ไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐคว่ำแผนดังกล่าวได้ไม่นาน ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็ดิ่งลงถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ อาจล้มละลาย และอาจทำให้ตัวเลขว่างงานทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ การล้มละลายของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช กล่าวว่า ทางคณะทำงานกำลังประเมินทุกทางเลือก รวมถึงการใช้เม็ดเงินจากโครงการลดสินทรัพย์ที่มีปัญหาในอุตสาหกรรมรถยนต์ (TARP) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นด้วย
หุ้นจีเคเอ็น ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องบิน ร่วงลง 6.1% หลังจากวุฒิสมาชิกสหรัฐคว่ำแผนช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีเคเอ็นคาดการณ์ว่า ยอดขายของบริษัทอาจทรุดตัวลง 70% ไตรมาสมาส 4 ปีนี้
ส่วนหุ้นธนาคาร HBOS ดิ่งลง 13% หลังจากผู้บริหารของธนาคารคาดการณ์ว่าตัวเลขเงินกู้หนี้สูญอาจพุ่งสูงขึ้นอีกเนื่องจากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
หุ้นไรท์มูฟซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สุดของอังกฤษ ดิ่งลง 13% หลังจากมีข่าวว่าบริษัท คอนเนลส์ ประกาศขายหุ้น 18.1% ในไรท์มูฟ