ตลาดหุ้นนิวยอร์กแนวโน้มผันผวนต่อสัปดาห์นี้ ขณะนักลงทุนจับตาประชุม FED,แผนอุ้มบริษัทรถยนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 15, 2008 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะผันผวนอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่อนุมัติแผนให้ความช่วยเหลือค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้

แจ๊ค อัลบิน หัวหน้านักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไพรเวท แบงค์ ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า ปัจจัยลบมากมายที่โหมกระหน่ำเข้ามาในช่วงปลายปีอาจทำให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่สามารถปิดในแดนบวกส่งท้ายปีพ.ศ.2551 ได้ และคาดว่าในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ตลาดจะเผชิญกับปัจจัยลบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่คาดว่าจะย่ำแย่

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่อนุมัติแผนการให้ความช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการโหวตลงคะแนน 52-35 เสียง ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและยุโรป

แมท คิง หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท เบลล์ อินเวสท์เมนท์ แอดไวเซอร์ส "วุฒิสภามีมติคว่ำแผนดังกล่าวในนาทีสุดท้าย แม้ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎสหรัฐมีมติผ่านแผนการดังกล่าวด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170 ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้อาจทำให้บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ เสี่ยงที่จะล้มละลาย ขณะที่ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐประเมินว่า จะมีคนตกงานทั้งสิ้น 2.5-3.5 ล้านคนในปีหน้าเนื่องจากการล้มละลายของบริษัทรถยนต์"

อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ทางทำเนียบขาวจะเปิดเผยทางเลือกใหม่ๆเพื่อช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ เพราะเกรงว่าหากรัฐบาลไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ บริษัทรถยนต์อาจเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงภายใน 2-3 สัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จะจัดสรรเม็ดเงินจากมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ออกมาช่วยเหลือบริษัทรถยนต์

นักวิเคราะห์คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการประชุมครั้งสุดท้ายในปีพ.ศ.2551 ของเฟด ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ลงอีก 0.5% เหลือเพียง 0.5% เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยรุนแรง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้และอยู่ในความสนใจของนักลงทุนได้แก่ วันจันทร์ เฟดเตรียมเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิตเดือนธ.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. วันอังคารกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 15-16 ธ.ค. และวันพฤหัสบดี สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาดูผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ 2 สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าโกลด์แมน แซคส์จะเปิดเผยตัวเลขขาดทุนครั้งแรกในรอบ 9 ปี และคาดว่ามอร์แกน สแตนลีย์ จะขาดทุนอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 สำนักข่าวเอพีรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ