SCIBS เผยนโยบายปี 52 เน้น Conservative ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์แค่ 1.2%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 15, 2008 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย(SCIBS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปีหน้า(2552)บริษัทฯมีแผนจะดำเนินธุรกิจในแบบ Conservative มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจที่ทำไว้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยที่ควรจะเป็น หรือเป็นไปได้มากที่สุดในปีหน้า ดังนั้น จึงตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ไว้ที่เพียง 1.2% จากปีนี้ที่มีมาร์เก็ตแชร์ 1.1%

"ปีหน้าเราจะดำเนินธุรกิจในแบบ Conservative มากขึ้น โดยเราได้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ของปีหน้าไว้ที่ 1.2% จากปีนี้(2551)มาร์เก็ตแชร์มีอยู่ที่ 1.1% เราบอกว่าเราชะลอ จะไม่เร่งในทางการตลาดอะไรมากมาย ซึ่งหากจะเร่งมาร์เก็ตแชร์ให้ขึ้นไป เป็น 1.4-1.5% มันก็ไม่สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่ทำไว้ ซึ่งแผนธุรกิจที่ทำภาพรวมได้มองถึงพื้นฐานของภาวะเศรษฐกิจ และภาวะตลาดฯ ที่มันควรจะเป็นหรือเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับปีหน้า"นายสาธิต กล่าว

*ปรับลดงบลงทุนการทำตลาดในปี 52 หลังเห็นภาวะศก.-ตลท.ไม่เอื้อ

กรรมการผู้จัดการ SCIBS กล่าวว่า บริษัทฯได้ปรับลดเม็ดเงินที่จะลงทุนในการทำการตลาดลงจำนวนมากในปีหน้า(2552) หลังจากที่มีแผนชะลอการทำตลาดไว้ก่อน เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมและภาวะตลาดฯไม่เอื้ออำนวย พร้อมประเมินกรณีเลวร้ายสุดของตลาดหุ้นไทย จะมีวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันเพียงแค่ 12,000 ล้านบาท จากปีนี้(2551)ที่คาดว่าจะมีวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันประมาณ 17,000 ล้านบาท

"วอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันของตลาดโดยรวมในปีหน้า เลวร้ายที่สุดเรามองไว้ที่ 12,000 ล้านบาท เทียบกับปีนี้ที่มีประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งวอลุ่มลักษณะนี้หากเราไปเร่งทำการตลาดจำนวนมาก สาขาเหมือนปีนี้ หรือว่าไปเร่งทำการตลาดกับผู้ลงทุน ผมคิดว่าเราจะได้ผลตอบแทนกลับมาไม่คุ้ม เพราะฉะนั้นเงินลงทุนด้านการตลาดของบริษัทฯจะปรับลงไปเยอะมาก"กรรมการผู้จัดการ SCIBS กล่าว

*ตั้งเป้าบัญชีลูกค้าใหม่ในปีหน้าแค่ 1,000 บัญชี-จะเน้นลูกค้าสถาบันมากขึ้น

นายสาธิต กล่าวต่อว่า ปีนี้(2551)บริษัทฯถือว่าได้ทำการขยายฐานลูกค้าไว้ได้ดี โดยมีบัญชีลูกค้าที่เปิดใหม่ประมาณ 1,500-1,600 บัญชี เนื่องจากบริษัทฯได้เร่งทำการตลาด และเปิดสาขา โดยปัจจุบันบริษัทฯมีบัญชีลูกค้าทั้งหมดอยู่กว่า 8,700 บัญชี และมีที่เคลื่อนไหว(Active)ประมาณ 25% ของบัญชีลูกค้าทั้งหมด

ส่วนปีหน้า(2552)บริษัทฯจะทำธุรกิจในแบบ Conservative ดังนั้นก็คาดหวังว่าจะทำฐานลูกค้าได้ประมาณ 40% ของปีนี้(2551)ก็น่าจะพอใจแล้ว ประมาณไว้ว่าบัญชีที่เปิดใหม่ในปีหน้าก็น่าจะได้ราว 1,000 บัญชี

"เราจะให้ความสำคัญกับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับบริษัทฯไว้อยู่แล้วมากกว่า โดยเราจะเอาฐานลูกค้าเดิมให้มีการ Acitve ขึ้นมา เพราะถ้าเราไปเร่งเปิดบัญชีใหม่ แล้วการเทรดมีน้อยลง หรือว่าเปอร์เซนต์ของการ Active ไม่ขยับขึ้นตาม ก็ไม่ได้ในเรื่องของรายได้อยู่แล้ว และก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องของจำนวนบัญชีมาก"นายสาธิต กล่าว

นอกจาก บริษัทฯจะให้ความสำคัญกับลูกค้ารายสถาบันเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าสถาบันของบริษัทฯมีอยู่ประมาณ 10% จากปีก่อน ๆ ที่มีสัดส่วนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 5% ส่วนลูกค้ารายย่อยมีสัดส่วนประมาณ 90%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ