(เพิ่มเติม) BCP ยอมรับปี 51ขาดทุน stock loss ราว 4-5 พันลบ. หลังราคาน้ำมันผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 15, 2008 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) คาดในปี 51 จะขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน(stock loss)ประมาณ 4-5 พันล้านบาทจากปริมาณน้ำมันสำรองที่มีอยู่ 3 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้งบการเงินรวมในปี 51 ต้องขาดทุน เนื่องจากราคาน้ำมันเฉลี่ยครึ่งปีแรกอยู่ที่ 90 เหรียญ/บาร์เรล แต่ครึ่งปีหลังราคาอยู่ที่ประมาณ 40 เหรียญ/บาร์เรล

"ปีนี้กลุ่มโรงกลั่นทุกโรงน่าจะประสบภาวะขาดทุน บางจากฯ ถือว่าขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่น ซึ่งปีนี้ถือว่าวิกฤต เพราะราคาน้ำมันผันผวนมาก ซึ่งเราหวังว่า วิกฤตจะจบลงในปีนี้ และปีหน้าบางจากฯ มั่นใจว่าดีขึ้นและเห็นกำไร" นายปฏิภาณ สุคนธมาน
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน BCP กล่าว

ทั้งนี้ BCP คาดว่า ปี 52 บริษัทจะมีความสามารถทำกำไรได้ดีขึ้น เนื่องจากค่าการกลั่นจะสูงกว่าปีนี้ที่มีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากเชื่อว่าทิศทางราคาน้ำมันจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ บริษัทได้ทำสัญญาล่วงหน้าไว้กว่า 40% ของกำลังการกลั่น ที่ค่าการกลั่นในระดับกว่า 7 เหรียญ/บาร์เรล

นายปฏิภาณ กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมในด้านสภาพคล่องทางการเงินในการลงทุนในปีหน้าที่กำหนดงบลงทุนภายใต้การดำเนินงานปกติไว้ที่ 600 ล้านบาท และโครงการลงทุน ยูโร 4 ในส่วนน้ำมันเบนซิน ใช้เงินไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยบริษัทมีวงเงินกู้ที่เปิดไว้กับสถาบันการเงิน 10 แห่งจำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อเตรียมไว้สำหรับโอกาสการลงทุน

ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทจึงมองโอกาสในการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่ต่อยอดธุรกิจบริษัทได้ ซึ่งอาจจะเข้าซื้อหรือลงทุนกิจการด้านพลังงาน ที่เจ้าของเดิมอาจประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนธุรกิจเอทานอลในไตรมาส 1/52

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการร่วมลงทุนกับก.คลัง และประเทศในแถบอาเซียนในโครงการผลิตแร่โปแตช ที่จ.ขัยภูมิ ซึ่งขณะนี้บริษัทถือหุ้นอยู่ 6.5% เงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท หากโครงการนี้มีอนาคตและให้ผลตอบแทนที่ดี บริษัทพร้อมเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 25%

"มองว่าโครงการแร่โปแตซ ที่เริ่มดำเนินการมาหลายปี มีความเป็นไปได้สูง และไม่น่าจะมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ราคาขณะนี้อยู่ในระดับสูง และเป็นโอกาสดีถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นจริง และคาดว่าโครงการนี้ไม่น่าจะมีปีญหาในอนาคต เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลชุมชน" นายปฏิภาณ กล่าว

ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP คาดว่วา ปี 52 บริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)ประมาณ 6-8 พันล้านบาท เนื่องจากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน(Prodution Quality Improvement: PQI) แล้วเสร็จ ขณะเดียวกันปีหน้าคาดว่ากำลังการกลั่นจะเพิ่มเป็น 9.5 หมื่น-1 แสนบาร์เรล/วัน จากปีนี้ที่อยู่ที่ 7.4 หมื่นบาร์เรล/วัน

นอกจากนี้มองว่า ค่าการตลาดเฉลี่ยในปี 51 จะอยู่ 1.40 บาท/ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกีบปีก่อนอยู่ที่ 0.90 บาท/ลิตร และปี 52 ก็คาดว่าค่าการตลาดน่าจะยืนได้ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้หรืออาจจะสูงกว่า เพราะราคาน้ำมันไม่น่าจะผันผวนมาก และเชื่อว่าจะเข้าสู่ช่วงขาลง โดย BCP คาดว่ารักษาส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันไว้ได้ที่ 14% ในปี 51

นายอนุสรณ์ คาดว่า ในปีหน้าราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะอยู่ที่ 55 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 40 เหรียญ/บาร์เรล และเชื่อว่าในครึ่งหลังปี 52 ราคาน้ำมันน่าจะปรับสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน (โอเปก) จะไม่ยอมให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำนาน เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ยังเชื่อว่า ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ในปีหน้า หากค่าการกลั่นอยู่ที่ระดับ 4-6 เหรียญ/บาร์เรล แต่หากต่ำกว่า 4 เหรียญ/บาร์เรลเชื่อว่าจะมีโรงกลั่นบางส่วนที่ประสบปัญหา แต่ BCP มองว่าหากค่าการกลั่นต่ำกว่า 4 เหรียญ/บาร์เรล ไม่กระทบธุรกิจของบริษัท เพราะต้นทุนผันแปรของบริษัทอยู่ที่ 1.5 เหรียญ/บาร์เรล เชื่อว่าคงไม่ได้รับผลกระทบ

แต่ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ธุรกิจโรงกลั่นอาจจะเกิดปัญหา เพราะมีโรงกลั่นใหม่เกิดขึ้นโดยมีกำลังการผลิตรวมกัน 8-10 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะสร้างปัญหา เพราะความต้องการใช้ไม่เติบโตจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ