"ภัทรียา"รอจังหวะหอบแผนพัฒนาตลาดทุนเข้าหารือรมว.คลังคนใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 15, 2008 18:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จแล้ว ตลท.จะขอเข้าพบกับรัฐมนตรีคลัง เพื่อนำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยทั้ง 6 เรื่อง คือ การปรับโครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์และการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์และการแก้ไขกฎหมายการแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน, การเตรียมตัวในการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ,

การเพิ่มบริษัทจดทะเบียนและสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งปีหน้านั้นตลาดทุนจะเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของบริษัทเอกชน, การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทจดทะเบียนที่จะต้องมีการดำเนินงานต่อเนื่อง และ การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ และ การปรับเกณฑ์ต่างๆให้การดำเนินงานทางภาคธุรกิจมีการดำเนินการไปได้สะดวกไม่ติดตาม เช่น เรื่องภาษีการควบรวมกิจการ เป็นต้น

นางภัทรียา กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นการเมืองมีพัฒนาการที่ดี

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นจุดเริ่มต้นรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะต้องรอติดตามในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ที่คาดจะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา แต่สิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลใหม่จะต้องดูและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทุกฝ่ายก็ตั้งความหวังกับทีมเศรษฐกิจ หากผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและต้องมีเอกภาพในการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม และมีความเชื่อมโยง กันเป็นไปทิศทางเดียวกัน

"ตลาดหุ้นไทยถือว่าตอบรับกับนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นและในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งรวมแล้วหุ้นขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 10% แต่ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของรัฐบาล ความมีเอกภาพของรัฐบาล ทีมเศรษฐกิจ" นางภัทรียา กล่าว

ส่วนกรณีนักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือไม่นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า จากการหารือกับนักลงทุนต่างประเทศก็ถือว่ามีการเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดี จากที่มีการแก้ไขปัญหาทางการเมืองโดยใช้กระบวนการทางรัฐสภา ซึ่งหากปัญหาวิกฤติทางการเงินในต่างประเทศคลี่คลายก็เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศคงพร้อมที่จะกลับเข้ามาลงทุนแน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ