ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) จากแรงขายที่ส่งเข้าทุบหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีข่าวว่าสถาบันการเงินและบริษัททั่วโลกหลายแห่งได้รับความเสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่ของนายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดนาสแดค รวมถึงธนาคาร HSBC และรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 2.79 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 4,277.56 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,238.87-4,340.70 จุด
สตีเฟ่น ชอร์ค นักวิเคราะห์จาก Threadneedle Asset Management กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากมีรายงานว่าสถาบันและบริษัททั่วโลกหลายแห่งได้รับความเสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ของมาดอฟฟ์ รวมถึงโนมูระ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่น, ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ เอสเอ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป,ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ซึ่งธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส, ธนาคาร HSBC, ธนาคารไรช์มุธ แอนด์ โค ของสวิส, ธนาคารบังโค ซานตานเดร์ ของสเปน, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และบริษัท แมน กรุ๊ป ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ระดับโลก
ทั้งนี้ หุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 1.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยว่าได้รับความเสียหายราว 1 พันล้านดอลลาร์จากคดีฉ้อโกงของมาดอฟฟ์ ขณะที่หุ้น RBS ดิ่งลง 2.8% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 4.7% และหุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบี ดิ่งลง 5.9% อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคาร HBOS ดีดขึ้น 4.7% ส่วนหุ้นกลุ่มประกันร่วงลงด้วย โดยหุ้นอาร์เอสเอ อินชัวรันส์ ดิ่งลง 3% หุ้นเฟรนด์ส โพรวิเดนท์ ร่วงลง 3.2% หุ้นโอลด์ มิวชวล ปรับตัวลง 3.8% หุ้นลีกัล แอนด์ เจเนอรัล ดิ่งลง 4% และหุ้นอาวิวาร่วงลง 4.1%
นักลงทุนยังตาดูผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ 2 สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าโกลด์แมน แซคส์จะขาดทุน 3.50 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งจะเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 9 ปี และคาดว่ามอร์แกน สแตนลีย์ จะขาดทุนอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4