นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท(PS) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 52 ไว้ที่ประมาณ 10% หลังจากปีนี้ยอดขายพลาดเป้ามาเหลือ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 2 หมื่น ล้านบาท พร้อมกันนั้นจะมีการปรับแผนธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในระยะต่อจากนี้
"บริษัทได้มีการประเมินการเติบโตของยอดขายในปีหน้า ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงว่าจะสามารถรักษายอดขายเติบโตได้อยู่แต่คงเป็นอัตราเติบโตที่ลดลงเหลือเพียง 10%"นายทองมา กล่าว
บริษัทคงจะทำธุรกิจในลักษณะการประคองตัวภายใต้ปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากระทบ หลังในไตรมาส 4/51 เห็นตัวเลขยอดการซื้อบ้านลดลงไปราว 20-30% และกังวลว่าอาจจะลากยาวไปในปีหน้า ดังนั้น การเติบโตของยอดขายในปีหน้าคงจะมาจากยอดขายโครงการเดิมเป็นหลัก มากกว่าโครงการใหม่ที่จะเปิดจำนวน 15 โครงการ
นายทองมา กล่าวว่า บริษัทต้องปรับแผนดำเนินงาน โดยอาจเปิดตัวบางโครงการช้ากว่ากำหนดเดิม และยกเลิกการซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลง ซึ่งเดิมวางแผนจะใช้พัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ย่านบางบัวทองและรังสิตคลอง 2 มูลค่าแปลงละประมาณ 100 ล้านบาท แม้ว่าจะวางมัดจำไว้แล้ว 10% รวมทั้งปรับมาใช้ระยะเวลาการก่อสร้างให้สั้นลงให้เหลือ 2 เดือนครึ่ง จากปัจจุบันใช้เวลา 90 วันเพื่อลดต้นทุนลง
"เราคงต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปี 52 แต่สิ่งที่สำคัญคงจะอยู่ที่การบริหาร cash flow และการลดต้นทุนโดยเฉพาะค่าใช้จ่าย เพราะจากสัญญาณการหดตัวในไตรมาส 4 ถือเป็นการบ่งบอกกับภาคอสังหาฯได้ดี แต่ช่วงนี้เราก็สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้เหมือนกันในการปรับกระบวนการผลิตการก่อสร้างเพื่อรองรับหากการฟื้นตัวของธุรกิจกลับมาได้เร็ว เราก็จะเป็นผู้ที่ได้ก่อนรายอื่น"นายทองมา กล่าว
นายทองมา กล่าวต่อว่า หลังจากที่การเมืองไทยได้ผู้นำคนใหม่เชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมทางการเมืองดีขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นและจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯ จากก่อนหน้านี้ที่เจอวิกฤตหลายอย่างเข้ามากระทบ แต่ภายใต้ภาวะเช่นนี้ราคาบ้านคงไม่เห็นการปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจจะเห็นการใชโปรโมชั่นทางอ้อมมากกว่า
ส่วนผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจโดยการรุกไปต่างประเทศนั้น ถือเป็นตัวที่จะช่วยได้ในปีหน้า แต่จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีแผนที่จะทำอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยทดแทนรายได้ รวมถึงบริษัทเองที่ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาโครงการที่ประเทศอินเดีย รวมถึงทางเลือกใหม่ อย่างประเทศจีน
ด้านนายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF) กล่าวว่า PF คงจะต้องปรับตัวในปี 52 เช่นกัน ภายใต้ปัจจัยที่เกิดขึ้นถึงแม้ปัจจุบันความเชื่อมั่นในด้านการเมืองจะเข้ามาช่วยแล้ว แต่รัฐบาลควรที่จะเร่งในการทบทวนการก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งอาจจะเลือกสายที่จำเป็นก่อนเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ จากผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่งผลต่อยอดขายของบริษัทเช่นกันทำให้ยอดขายในปีนี้คงจะอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาทตามที่คาดไว้
ส่วนแผนในปีหน้าบริษัทคงจะต้องขอประเมินสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงตัวเลขการกลับมาซื้อบ้านของผู้บริโภคก่อน เพราะไตรมาส 4 หดตัว แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของสภาพคล่องของบริษัทยังมีอยู่ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาเอาไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ในปีหน้าเหมือนกัน